ในโลกของการลงทุน คำว่า "ตกรถ" มักถูกพูดถึงบ่อยครั้ง หมายถึง การพลาดโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สูญเสียโอกาสในการทำกำไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนต้องตกรถมีอยู่หลายสาเหตุ
สาเหตุของการตกรถ
มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการตกรถ ดังนี้
- ความกลัว: นักลงทุนบางคนอาจกลัวที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น เพราะกังวลว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นไปอีกจนซื้อไม่ไหว หรือกลัวว่าราคาจะพลิกกลับมาลง
- ข้อมูลไม่เพียงพอ: การขาดข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่น่าสนใจ อาจทำให้ตัดสินใจลงทุนล่าช้า พลาดโอกาสในการซื้อในราคาที่ต่ำ
- อารมณ์: การตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์ เช่น ความโลภ กลัวพลาด
- กลยุทธ์การลงทุนที่ไม่เหมาะสม: กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเทรดระยะสั้น อาจทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนระยะยาว
ตกรถแล้วเป็นยังไง
การตกรถอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน ดังนี้
- สูญเสียโอกาสในการทำกำไร: นักลงทุนอาจสูญเสียโอกาสในการทำกำไรก้อนโตจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น
- เกิดภาวะทางอารมณ์: การตกรถอาจทำให้เกิดภาวะทางอารมณ์ เช่น เสียดาย โกรธ
- สูญเสียความมั่นใจ: นักลงทุนอาจสูญเสียความมั่นใจในการลงทุน
- ตัดสินใจลงทุนผิดพลาด: อาจตัดสินใจลงทุนผิดพลาดจากอารมณ์
ไม่อยากตกรถต้องทำยังไง?
มีหลายวิธีที่นักลงทุนสามารถป้องกันการตกรถได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะแบ่งออกเป็น 7 ข้อ ดังนี้
- ศึกษาข้อมูล: แน่นอนว่านักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่สนใจอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ
- วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ เช่น งบการเงิน ผู้บริหาร สภาพตลาด
- มีวินัย: มีวินัยในการลงทุน หลาย ๆ คนเลือกลงทุนแบบ DCA จึงแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าจะตกรถหรือไม่ เพราะถัวเฉลี่ยอยู่แล้ว
- กระจายความเสี่ยง: กระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เพื่อไม่ให้มูลค่าลงทุนของเราขึ้นอยู่กับสินทรัพย์บางประเภท
- ลงทุนระยะยาว: เน้นการลงทุนระยะยาว หลายครั้งสินทรัพย์บางประเภทจะมีเวลาที่เป็นช่วงขาลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการลงทุน ถ้าเราถือได้ยาวกว่า ก็อาจจะมีโอกาสทำกำไรได้
- คุมอารมณ์: ควบคุมอารมณ์ในการลงทุน อย่าหลงเชื่อข่าวที่เป็น Scam หรือข่าวที่ทำให้เรารู้สึก FOMO แต่ควรศึกษารายละเอียดเองอย่างถ่องแท้
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าเป็นไปได้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์หรือเชื่อถือได้ก็จะช่วยให้เราได้มุมมองจากผู้มีประสบการณ์ ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ
ตัวอย่างการตกรถ
ตัวอย่างของการตกรถที่พบบ่อย เช่น
- การตกรถหุ้น: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในหุ้นที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เช่น หุ้นเทคโนโลยี
- การตกรถคริปโตเคอร์เรนซี: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี เช่น บิตคอยน์
- การตกรถอสังหาริมทรัพย์: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดตอนพรีเซล อสังหาฯ ประมูลจากกรมบังคับดคี ที่มักขายทอดตลาดในราคาถูก
บทสรุป
การตกรถเป็นภัยร้ายของนักลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มีวินัย กระจายความเสี่ยง ลงทุนระยะยาว ควบคุมอารมณ์ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ