Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

January 2, 2025
บทความ
3
min read

ตกรถ คืออะไร ทำไมหลายคนถึงตกรถ แล้วต้องทำยังไงถึงจะไม่ตกรถ

ในโลกของการลงทุน คำว่า "ตกรถ" มักถูกพูดถึงบ่อยครั้ง หมายถึง การพลาดโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สูญเสียโอกาสในการทำกำไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนต้องตกรถมีอยู่หลายสาเหตุ 

 

สาเหตุของการตกรถ

มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการตกรถ ดังนี้

  • ความกลัว: นักลงทุนบางคนอาจกลัวที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น เพราะกังวลว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นไปอีกจนซื้อไม่ไหว หรือกลัวว่าราคาจะพลิกกลับมาลง
  • ข้อมูลไม่เพียงพอ: การขาดข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่น่าสนใจ อาจทำให้ตัดสินใจลงทุนล่าช้า พลาดโอกาสในการซื้อในราคาที่ต่ำ
  • อารมณ์: การตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์ เช่น ความโลภ กลัวพลาด
  • กลยุทธ์การลงทุนที่ไม่เหมาะสม: กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเทรดระยะสั้น อาจทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนระยะยาว

ตกรถแล้วเป็นยังไง

การตกรถอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน ดังนี้

  • สูญเสียโอกาสในการทำกำไร: นักลงทุนอาจสูญเสียโอกาสในการทำกำไรก้อนโตจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น
  • เกิดภาวะทางอารมณ์: การตกรถอาจทำให้เกิดภาวะทางอารมณ์ เช่น เสียดาย โกรธ
  • สูญเสียความมั่นใจ: นักลงทุนอาจสูญเสียความมั่นใจในการลงทุน
  • ตัดสินใจลงทุนผิดพลาด: อาจตัดสินใจลงทุนผิดพลาดจากอารมณ์

ไม่อยากตกรถต้องทำยังไง?

มีหลายวิธีที่นักลงทุนสามารถป้องกันการตกรถได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะแบ่งออกเป็น 7 ข้อ ดังนี้

  1. ศึกษาข้อมูล: แน่นอนว่านักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่สนใจอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ
  2. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ เช่น งบการเงิน ผู้บริหาร สภาพตลาด
  3. มีวินัย: มีวินัยในการลงทุน หลาย ๆ คนเลือกลงทุนแบบ DCA จึงแทบไม่ต้องกังวลเลยว่าจะตกรถหรือไม่ เพราะถัวเฉลี่ยอยู่แล้ว
  4. กระจายความเสี่ยง: กระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เพื่อไม่ให้มูลค่าลงทุนของเราขึ้นอยู่กับสินทรัพย์บางประเภท
  5. ลงทุนระยะยาว: เน้นการลงทุนระยะยาว หลายครั้งสินทรัพย์บางประเภทจะมีเวลาที่เป็นช่วงขาลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการลงทุน ถ้าเราถือได้ยาวกว่า ก็อาจจะมีโอกาสทำกำไรได้
  6. คุมอารมณ์: ควบคุมอารมณ์ในการลงทุน อย่าหลงเชื่อข่าวที่เป็น Scam หรือข่าวที่ทำให้เรารู้สึก FOMO แต่ควรศึกษารายละเอียดเองอย่างถ่องแท้
  7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าเป็นไปได้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์หรือเชื่อถือได้ก็จะช่วยให้เราได้มุมมองจากผู้มีประสบการณ์ ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ 

ตัวอย่างการตกรถ

ตัวอย่างของการตกรถที่พบบ่อย เช่น

  • การตกรถหุ้น: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในหุ้นที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เช่น หุ้นเทคโนโลยี
  • การตกรถคริปโตเคอร์เรนซี: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในคริปโตเคอเรนซี เช่น บิตคอยน์
  • การตกรถอสังหาริมทรัพย์: นักลงทุนบางคนอาจพลาดโอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดตอนพรีเซล อสังหาฯ ประมูลจากกรมบังคับดคี ที่มักขายทอดตลาดในราคาถูก

บทสรุป

การตกรถเป็นภัยร้ายของนักลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มีวินัย กระจายความเสี่ยง ลงทุนระยะยาว ควบคุมอารมณ์ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

บทความที่คุณอาจสนใจ