Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ราคาของ Bitcoin ลดลงจาก $87,241 เหลือ $81,331 ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม ทำให้กำไรที่สะสมมา 17 วันก่อนหน้านั้นหายไป โดยการปรับฐาน 6.8% ครั้งนี้ส่งผลให้มีการล้างพอร์ต (liquidation) ของสถานะฟิวเจอร์สฝั่งซื้อกว่า $230 ล้าน และเป็นไปตามแนวโน้มขาลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์สลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม
แม้ว่า Bitcoin จะพยายามยืนเหนือระดับ $82,000 ในวันที่ 31 มีนาคม แต่มี 4 ปัจจัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในสินทรัพย์นี้ และอาจมีแนวโน้มที่ Bitcoin จะแยกตัวออกจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมในอนาคต
นักลงทุนกังวลว่าการทำสงครามการค้าทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าต่างประเทศเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งส่งผลให้นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ปรับลดเป้าหมายดัชนี S&P 500 สิ้นปีจาก 6,200 เป็น 5,700 ขณะที่ Barclays ลดคาดการณ์จาก 6,600 เป็น 5,900
ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ ทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ $3,100 ในวันที่ 31 มีนาคม สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยแทนการถือเงินสด ขณะเดียวกัน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ก็อ่อนค่าลงแตะ 104.10 จาก 107.60 ในเดือนกุมภาพันธ์
แม้ว่าหลายคนตั้งคำถามถึงสถานะของ Bitcoin ว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" หรือ "สินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น" แต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Bitcoin กลับทำกำไรได้ถึง 36% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.5% ซึ่งบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง BTC กับตลาดหุ้นยังไม่แน่นอน
หนึ่งในสัญญาณสำคัญที่ชี้ว่าตลาด Bitcoin ยังแข็งแกร่งคืออัตราแฮชเรตของเครือข่าย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดพลังการประมวลผลของนักขุดที่ช่วยยืนยันธุรกรรม บนเครือข่าย Bitcoin โดยแฮชเรตเฉลี่ย 7 วัน พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 856.2 ล้าน เทร่าแฮชต่อวินาที (TH/s) ในวันที่ 28 มีนาคม เพิ่มขึ้นจาก 798.8 ล้าน TH/s ในเดือนกุมภาพันธ์
ที่สำคัญ ปริมาณ Bitcoin ที่นักขุดโอนไปยังตลาดเว็บเทรดยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉลี่ยเพียง 125 BTC ต่อวัน ณ วันที่ 30 มีนาคม เทียบกับอัตราการขุด BTC ใหม่ที่ 450 BTC ต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักขุดไม่ได้เทขายเหรียญแม้ราคาจะปรับฐาน
บริษัทเหมืองขุด Bitcoin อย่าง MARA Holdings ยื่นเอกสารต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม เพื่อเสนอขายหุ้นมูลค่าสูงสุด $2 พันล้าน โดยมีแผนที่จะนำเงินไปซื้อ Bitcoin และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนสถาบันเริ่มให้ความสนใจสะสม BTC มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัท GameStop (GME) ซึ่งเป็นบริษัทเกมที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ประกาศขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า $1.3 พันล้าน ในวันที่ 26 มีนาคม พร้อมกับการปรับกลยุทธ์เงินทุนสำรองให้สามารถลงทุนใน Bitcoin และเหรียญ Stablecoin ได้
ข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่า ปริมาณ Bitcoin ที่อยู่บนตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตลดลงแตะระดับ 2.64 ล้าน BTC ในวันที่ 30 มีนาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยปกติแล้ว การที่มี BTC อยู่บนเว็บเทรดน้อยหมายความว่านักลงทุนมีแนวโน้มที่จะถือครองระยะยาวมากกว่าขายทิ้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาด
สุดท้าย การที่กองทุน Bitcoin ETF สหรัฐฯ ไม่มีการไหลออกสุทธิระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบัน
แม้ว่า Bitcoin จะเผชิญกับการปรับฐานราคาลง 6.8% และตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะผันผวน แต่ปัจจัยพื้นฐานของ Bitcoin ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราแฮชเรตสูงเป็นประวัติการณ์ การเข้าซื้อของบริษัทใหญ่ และปริมาณ BTC บนเว็บเทรดที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Bitcoin ระยะยาว
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ coinpedia.org