OKX งานเข้า! อาจเสียใบอนุญาต MiCA หลังพบเชื่อมโยงฟอกเงินจากการแฮ็ก Bybit

หน่วยงานกำกับดูแลด้านคริปโตของยุโรปกำลังตรวจสอบ บริการซื้อขายแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง (self-custody) ของ OKX หลังพบว่าถูกใช้โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์ Lazarus Group ของเกาหลีเหนือเพื่อฟอกเงินจากเหตุแฮ็ก Bybit มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 12 มีนาคม หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปได้หารือเกี่ยวกับ OKX ในการประชุมของ คณะกรรมการการเงินดิจิทัลของหน่วยงานตลาดหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งยุโรป (ESMA) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วทั้ง 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงองค์กรสำคัญอย่าง ESMA และหน่วยงานธนาคารยุโรป (EBA) เข้าร่วม

OKX อาจละเมิดกฎระเบียบ MiCA

ระหว่างการประชุม เจ้าหน้าที่กำกับดูแลได้ตั้งคำถามว่า เครื่องมือ DeFi ของ OKX นั้นละเมิดข้อบังคับของ EU ภายใต้กฎหมาย Markets in Crypto Assets (MiCA) หรือไม่ แม้ว่า MiCA ซึ่งมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จะมีข้อยกเว้นสำหรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) แต่หน่วยงานบางแห่งมองว่าบริการ Web3 ของ OKX ควรอยู่ภายใต้กฎหมายดังกล่าว

OKX ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาผ่านบัญชี X (Twitter) อย่างเป็นทางการ โดยยืนยันว่า บริษัทไม่ได้ถูกสอบสวนโดยหน่วยงานกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม หากพบว่า OKX ละเมิดกฎหมาย บริษัทอาจถูกลงโทษ รวมถึงถูกเพิกถอนใบอนุญาต MiCA ซึ่งเพิ่งได้รับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ OKX ยังยืนยันว่าบริการ Web3 แบบไม่มีตัวกลางของตน “ไม่แตกต่างจากที่ผู้ให้บริการรายอื่นเสนอ”

OKX ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากแฮ็ก Bybit

เมื่อต้นเดือนมีนาคม Ben Zhou ซีอีโอของ Bybit เปิดเผยว่า มีเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ถูกโอนผ่านแพลตฟอร์ม Web3 ของ OKX กลุ่มแฮ็กเกอร์ Lazarus ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ได้ใช้โปรโตคอลและเครื่องมือผสมเหรียญ (mixers) จำนวนมากเพื่อปกปิดเส้นทางของเงินที่ถูกขโมย โดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยหลายรายชี้ว่า 20% ของเงินที่ถูกขโมยไปได้ “หายไปจากระบบ”

Xu Mingxing ซีอีโอของ OKX ออกมาตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดียว่า “OKX Web3 Wallet เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้ผู้ใช้ดูแลสินทรัพย์ของตนเองโดยสมบูรณ์” และ “ไม่มีทางที่บริษัทจะเข้าไปควบคุมหรือยึดคืนเงินได้” แม้ว่า OKX จะมีมาตรการทางเทคนิคในการบล็อก IP ของผู้ใช้จากประเทศที่ถูกแบนก็ตาม

OKX อ้างว่าร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อจัดการปัญหา

OKX ระบุว่าได้ อายัดเงินที่เกี่ยวข้องกับ Bybit ที่ถูกโอนเข้าสู่แพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ (CEX) และทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและทีมกฎหมายของ Bybit นอกจากนี้ OKX ยังเปิดเผยว่า ทีมตอบสนองเหตุการณ์ของบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่ Bybit รวมถึงพัฒนาเครื่องมือติดตามที่อยู่กระเป๋าเงินของแฮ็กเกอร์แบบเรียลไทม์

“ไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไร เราให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง” Hong Fang ประธาน OKX กล่าวบน X

การแฮ็ก Bybit เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถือเป็น เหตุการณ์โจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยแฮ็กเกอร์จากกลุ่ม Lazarus ได้เจาะระบบ กระเป๋าเงิน Ethereum แบบ Cold Wallet ของ Bybit ผ่านช่องโหว่ของโครงสร้างพื้นฐาน Safe Wallet ตามรายงานของ The Block

ปัจจุบัน OKX เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายสปอตสูงถึง 108.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทเพิ่งยอมรับผิดและจ่ายค่าปรับกว่า 504 ล้านดอลลาร์ หลังถูกกล่าวหาว่าให้บริการลูกค้าในสหรัฐฯ โดยไม่มีใบอนุญาต

อ้างอิง : theblock.co
ภาพ bloomberg.com

‍