Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่สำนักงานใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ในกรุงวอชิงตัน กลุ่มนักกฎหมายหลักทรัพย์ นักวิจารณ์คริปโต และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ได้รวมตัวกันใน การประชุมโต๊ะกลมของคณะทำงานคริปโตชุดแรกของ SEC เพื่ออภิปรายในประเด็นที่ค้างคาใจมานาน—อะไรคือสิ่งที่ทำให้สินทรัพย์หนึ่งถูกจัดเป็นหลักทรัพย์?
SEC กำลังเปลี่ยนแนวทางการกำกับดูแลคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานว่าดำเนินนโยบายแบบ "กำกับด้วยการบังคับใช้กฎหมาย" มากเกินไป
Miles Jennings ที่ปรึกษาทั่วไปด้านกฎหมายของ a16z crypto กล่าวในที่ประชุมว่า แนวทางของ SEC ในยุคก่อนหน้านี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายหลักขององค์กรได้เลย
"ไม่มีใครสามารถเถียงอย่างน่าเชื่อถือได้เลยว่า แนวทางของคณะกรรมาธิการชุดที่แล้วช่วยให้เกิดการคุ้มครองนักลงทุน การระดมทุน หรือการสร้างตลาดที่มีประสิทธิภาพ" Jennings กล่าว
เขาชี้ว่าแนวทางดังกล่าวส่งผลให้ อุตสาหกรรมคริปโตเดินไปในทิศทางที่ล้มเหลว และ SEC ต้องทำให้ดีกว่านี้
การตั้งคณะทำงานคริปโตนี้เป็นหนึ่งในหลายมาตรการที่ SEC ดำเนินการ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลทรัมป์ และหลังจากที่อดีตประธาน SEC Gary Gensler ลาออกจากตำแหน่ง
Gensler เคยมีท่าทีแข็งกร้าวต่อคริปโต โดยมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ และได้ดำเนินคดีกับบริษัทคริปโตรายใหญ่หลายแห่ง
Mark Uyeda ประธานรักษาการของ SEC ได้แต่งตั้ง Hester Peirce กรรมาธิการพรรครีพับลิกัน ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดนี้ โดย Peirce กล่าวว่าการตั้งคณะทำงานนี้ถือเป็น "การเริ่มต้นใหม่ของแนวทางการกำกับดูแลคริปโตของ SEC"
Rodrigo Seira ที่ปรึกษาพิเศษจากบริษัทกฎหมาย Cooley LLP ได้หยิบยกประเด็นหลักของการประชุมขึ้นมา โดยกล่าวว่า การที่สินทรัพย์มีเจตนาการลงทุนอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้หมายความว่ามันควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์เสมอไป
เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตนเองว่า
"ผมเคยซื้อผลงานศิลปะในนิวยอร์ก เพราะผมชอบศิลปินคนนั้น แต่ก็มีความคาดหวังว่ามูลค่าของมันอาจเพิ่มขึ้น เพราะเขามีงานแสดงผลงานหลายรายการที่น่าสนใจ"
Seira ชี้ว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าการซื้องานศิลปะของเขาควรถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์
ขณะที่ John Reed Stark ผู้ก่อตั้งบริษัท John Reed Stark Consulting LLC และเป็นนักวิจารณ์คริปโตมาตลอด ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว
Stark แย้งว่าผู้คนซื้อคริปโตเพราะพวกเขาเป็นนักลงทุน และ SEC มีหน้าที่ต้องคุ้มครองพวกเขา อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า กฎหมายหลักทรัพย์ควรถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น
"ผมเข้าใจว่ากฎหมายเหล่านี้สามารถทำให้ดีขึ้นได้" Stark กล่าว
การประชุมนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในการกำกับดูแลคริปโตของ SEC ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอนาคต
อ้างอิง : theblock.co