Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

December 27, 2024
บทความ

แอปเทรดคริปโตมีอะไรบ้าง เลือกยังไงถึงปลอดภัย

แอปเทรดคริปโต มีอะไรบ้าง อันไหนดี ต้องเลือกยังไง?

ในโลกคริปโตนั้น มีวิธีที่จะเข้าถึงสินทรัพย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายผ่าน On-chain Exchange ที่การซื้อขายทั้งหมดจะอยู่ในบนบล็อกเชน หรืออีกวิธีที่เป็นที่นิยมมาก ก็คือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ต่าง ๆ และบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น ว่าโลกคริปโตมีวิธีการเทรด หรือซื้อขายอย่างไรบ้าง แล้วต้องเลือกยังไงถึงจะไม่โดนหลอก!

แอปเทรดคริปโต คืออะไร?

แอปเทรดคริปโต หรือ แอปพลิเคชันซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล คือ โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันบนมือถือที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยควรจะได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ของแต่ละประเทศ ซึ่งแอปเทรดคริปโตเปรียบเสมือนตลาดกลาง ที่เชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขายคริปโตเข้าด้วยกัน ทำหน้าที่รวบรวมสภาพคล่อง (Liquidity) ของคริปโตต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ

  • ดูราคา แสดงราคาซื้อขายของคริปโตแต่ละคู่แบบเรียลไทม์
  • วิเคราะห์กราฟ แสดงกราฟราคาคริปโตย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม
  • วางคำสั่งซื้อขาย วางคำสั่งซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) คริปโต
  • ตรวจสอบสถานะการซื้อขาย เทรดคริปโต
  • ฝากและถอนเงิน Fiat (เงินจริง) เข้า-ออกจากบัญชีซื้อขาย
  • ดูข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตแต่ละเหรียญ เช่น ข้อมูลโครงการ ข่าวสาร และ Whitepaper

ข้อดีของการใช้แอปเทรดคริปโต

  • สะดวก รวดเร็ว: ซื้อขายคริปโตได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์
  • ปลอดภัย: แอปเทรดคริปโตชั้นนำมีระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ช่วยปกป้องเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้
  • ใช้งานง่าย: แอปเทรดคริปโตส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร
  • หลากหลาย: รองรับการซื้อขายคริปโตหลากหลายเหรียญ
  • ฟีเจอร์ครบครัน: แอปเทรดคริปโตหลายแห่งมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น กราฟเทคนิค เครื่องมือวิเคราะห์ และบริการ staking

คริปโตซื้อขายยังไง?

การซื้อขายบน Exchange 

วิธีนี้เหมาะมากสำหรับมือใหม่ เพราะว่าใช้งานง่าย สะดวก UX/UI เข้าใจง่าย และส่วนใหญ่มักใช้เงิน Fiat ซื้อได้เลย  

1. ความสะดวกและรวดเร็ว

การซื้อขายบน Exchange นั้นสะดวกและรวดเร็วกว่าการซื้อขายแบบ On-chain

  • บน Exchange ผู้ใช้สามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์พิเศษ เพียงแค่สมัครบัญชีและฝากเงินเข้าบัญชี
  • บน Exchange ผู้ใช้สามารถจับคู่คำสั่งซื้อขายกับผู้ซื้อและผู้ขายรายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอการยืนยันจากเครือข่าย

การซื้อขายแบบ On-chain นั้นซับซ้อนและใช้เวลานานกว่า

  • การซื้อขายแบบ On-chain ผู้ใช้จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์กระเป๋าเงินดิจิทัลและเรียนรู้วิธีใช้งานซอฟต์แวร์
  • การซื้อขายแบบ On-chain ผู้ใช้ต้องรอให้ธุรกรรมได้รับการยืนยันจากเครือข่าย ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายนาทีหรือหลายชั่วโมง

2. สภาพคล่อง

Exchange มีสภาพคล่องสูงกว่าการซื้อขายแบบ On-chain

  • บน Exchange ผู้ใช้สามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ในปริมาณมากโดยไม่ต้องกังวลว่าจะหาคู่ค้าไม่ได้
  • บน Exchange ราคาคริปโตเคอร์เรนซีมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนน้อยกว่าการซื้อขายแบบ On-chain

การซื้อขายแบบ On-chain นั้นมีสภาพคล่องต่ำกว่า

  • การซื้อขายแบบ On-chain ผู้ใช้ may encounter difficulty in finding buyers or sellers, especially for less popular cryptocurrencies.
  • การซื้อขายแบบ On-chain ราคาคริปโตเคอร์เรนซีมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนมากกว่าการซื้อขายบน Exchange

3. ค่าธรรมเนียม

Exchange ทั่วไปมีค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี

  • ค่าธรรมเนียมบน Exchange นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Exchange แต่ละแห่ง และประเภทของการซื้อขาย
  • ค่าธรรมเนียมบน Exchange โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 0.1% ถึง 0.5% ของมูลค่าการซื้อขาย

การซื้อขายแบบ On-chain นั้นมีค่าธรรมเนียมสำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนเครือข่าย

  • ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนเครือข่าย นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเครือข่าย และขนาดของธุรกรรม
  • ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนเครือข่าย โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 0.01% ถึง 0.1% ของมูลค่าการซื้อขาย

4. ความปลอดภัย

Exchange ทั่วไปมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

  • Exchange ส่วนใหญ่เก็บคริปโตเคอร์เรนซีของผู้ใช้ไว้ใน Cold Storage ซึ่งเป็นการเก็บแบบออฟไลน์เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
  • Exchange ส่วนใหญ่มีระบบ 2FA (Two-Factor Authentication) เพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับบัญชีผู้ใช้

การซื้อขายแบบ On-chain นั้นผู้ใช้ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของคริปโตเคอร์เรนซีของตนเอง

  • ผู้ใช้ จำเป็นต้องเก็บคริปโตเคอร์เรนซีของตนเองไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย
  • ผู้ใช้ จำเป็นต้องระวังมัลแวร์และการโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆ

การซื้อขาย On-Chain  

ธุรกรรมแบบ On-Chain หรือ ธุรกรรมบนบล็อกเชน หมายถึง ธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีที่เกิดขึ้นโดยตรงบนเครือข่ายบล็อกเชน โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ

ลองจินตนาการว่า บล็อกเชนเปรียบเสมือนบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ บันทึกข้อมูลทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย

เมื่อมีการทำธุรกรรมแบบ On-Chain ข้อมูลธุรกรรมนั้นจะถูกส่งไปยังเครือข่ายบล็อกเชน โน้ด (Node) บนเครือข่ายจะทำการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม

หากธุรกรรมถูกต้อง โน้ดจะรวมธุรกรรมนั้นเข้าไว้ในบล็อกใหม่ และบล็อกใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปในบล็อกเชน

ธุรกรรมแบบ On-Chain มีจุดเด่น ดังนี้

  • โปร่งใส: ทุกคนบนเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมได้
  • ตรวจสอบย้อนกลับได้: ข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชนไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
  • ปลอดภัย: กลไกของบล็อกเชนช่วยป้องกันการฉ้อโกงและการปลอมแปลงข้อมูล

อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมแบบ On-Chain อาจมีข้อจำกัด ดังนี้

  • ความเร็ว: การทำธุรกรรมแบบ On-Chain อาจใช้เวลานานกว่าธุรกรรมแบบ Off-Chain เนื่องจากต้องรอการยืนยันจากโน้ดบนเครือข่าย
  • ค่าธรรมเนียม: การทำธุรกรรมแบบ On-Chain อาจมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าธุรกรรมแบบ Off-Chain

ธุรกรรมแบบ On-Chain เหมาะสำหรับธุรกรรมที่ต้องการความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ และปลอดภัยสูง ตัวอย่างการใช้งานทั่วไปของธุรกรรมแบบ On-Chain เช่น:

  • การโอนคริปโตเคอร์เรนซี
  • การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
  • การทำสัญญาอัจฉริยะ

การเลือกใช้ธุรกรรมแบบ On-Chain หรือ Off-Chain ขึ้นอยู่กับความต้องการและบริบทของผู้ใช้งาน ผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทก่อนตัดสินใจ

วิธีเลือกแอปเทรดคริปโต 

สำหรับใครที่สนใจจะเทรดคริปโต และกำลังมองหาแอปเทรดอยู่ ก่อนจะไปดูว่ามีแอปไหนน่าสนใจบ้าง เรามาดูกันก่อนดีกว่าเราควรเลือกแอปยังไงให้ปลอดภัย ใช้งานง่าย 

1. ศึกษาข้อมูล

ก่อนอื่น สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแอปเทรดคริปโตต่าง ๆ เปรียบเทียบจุดเด่น จุดด้อย ฟีเจอร์ และค่าธรรมเนียม เพราะบาง Exchange มักจะมีโปรโมชั่นหรือคิดค่าบริการเทรดในราคาที่ถูกกว่าบางเจ้า โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นโบรกเกอร์ ที่คิดค่าธรรมเนียมเทรดเพียง 0.1% เช่น Binance TH นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เว็บไซต์ข่าวการเงิน หรือบทความจากผู้เชี่ยวชาญ

2. พิจารณาปัจจัยต่าง ๆ

  • ความน่าเชื่อถือ: เลือกแอปที่มีบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียง และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
  • ความปลอดภัย: เลือกแอปที่มีระบบความปลอดภัยที่รัดกุม เช่น มีตัวเลือกให้เปิดระบบ 2FA และการเก็บเหรียญแบบ Cold Storage
  • การใช้งาน: เลือกแอปที่ใช้งานง่าย เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ เช่น มีคู่เหรียญให้เทรดเยอะ
  • ฟีเจอร์: เลือกแอปที่มีฟีเจอร์ครบครัน ตรงกับความต้องการของคุณ
  • ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแอปแต่ละแห่ง เลือกแอปที่มีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับความต้องการ
  • รองรับเหรียญ: เลือกแอปที่รองรับเหรียญคริปโตที่คุณต้องการเทรด
  • บริการลูกค้า: เลือกแอปที่มีบริการลูกค้าที่ดี สามารถให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

3. เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย

สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยเพื่อเรียนรู้และทดลองก่อน ไม่ควรลงทุนเงินทั้งหมดที่มี โดยสำหรับศูนย์ซื้อขายในไทยมักมีขั้นต่ำซื้อขายเริ่มต้นเพียง 40 บาทเท่านั้น (Bitkub) ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ยังไม่เคยเทรดมาก่อน แต่อยากลองสัมผัสประสบการณ์การถือครองคริปโต

4. ควบคุมความเสี่ยง

การซื้อขายคริปโตเปรียบเสมือนการลงทุน ควรตั้งจุดตัดขาดกำไรและขาดทุน เทรดด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรลงทุนด้วยเงินที่จำเป็นต้องใช้ กล่าวคือ ไม่ควรใช้เงินที่เราเสียไปไม่ได้ เช่น เงินเก็บสำรองฉุกเฉิน หรือเงินเดือน แต่อาจใช้เป็นเงินที่เราต้องใจไว้แล้วว่าจะเอาไปลงทุน หรือยอมเสียไปได้

แอปเทรดคริปโต ที่น่าสนใจ

ปัจจุบันในประเทศไทยมีแอปเทรดคริปโตอยู่มากมายหลายเจ้า ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ไทย ซึ่งมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะไม่ถูกหลอกแน่ ๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปดูกันเลย

ตัวอย่างศูนย์ซื้อขายคริปโต ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย สามารถซื้อขายได้ด้วยเงินบาทได้

นอกจากนี้ ยังมีโบรกเกอร์ที่เป็นบริการให้สภาพคล่องซึ่งต้องซื้อขายด้วยคริปโตด้วยกันเอง โดยเหรียญที่นิยมใช้เพื่อแลกเปลี่ยนของโบรกเกอร์มักจะเป็น Stablecoin เช่น USDT, USDC, FDUSD เป็นต้น โดยโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในไทยได้แก่ 

สรุป

แอปเทรดคริปโตในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศไทยมีตัวเลือกให้ใช้งานเยอะมาก ซึ่งแต่ละแอปก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางแอปอาจมีคู่เทรดเยอะ มีเหรียญหลากหลาย เลือกได้ตามชอบ แต่บางแอปก็มีปริมาณซื้อขายเยอะ ซื้อขายได้รวดเร็ว กดซื้อกดขาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัยด้วย ต้องตรวจสอบว่าแอปเทรดที่เราเลือกนั้นมีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือไม่ เพื่อที่ว่าตอนเทรดจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง ทั้งจากแอปเองและสแกมเมอร์

บทความที่คุณอาจสนใจ