Announcement เปลี่ยนจากตรงนี้
สวัสดีครับก่อนหน้านี้ทางทีมงานของเราเคยเล่าเกี่ยวกับว่า Bitcoin คืออะไรไปบ้างแล้ว รวมถึงการทำงานแต่ในวันนี้เราจะมา ทำความเข้าใจถึงมูลค่าของ Bitcoin กันว่ามันมีมูลค่าได้อย่างไร
มีคนมากมายที่เข้าใจ Bitcoin ผิดๆเกี่ยวกับเรื่องมูลค่าของมัน นั้นเพราะคนส่วนใหญ่ล้วนเคยชินกับการลงทุนในรูปแบบเดิมหรือสินทรัพย์ที่มีอยู๋ในปัจจุบัน เราอาจจะได้ยินคำพูดนนี้บ่อยๆเช่น
เรื่องราวเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Bitcoin ทั้งนั้นแน่นอนว่าคำถามที่ถามว่า Bitcoin นั้นมีมูลค่าจากอะไรเป็นคำตอบที่ตอบได้หลายแบบแล้วแต่ความรู้สึกของผู้ถือ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดจากด้านบนแน่นอนซึ่งเราจะมาเล่าให้ฟังกัน
คนเรามักจะเข้าใจว่าสิ่งที่มีการใช้งานเยอะๆเป็นสิ่งที่มีมูลค่า ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเราคุ้นเคยกับการใช้เงินในทุกๆวัน แต่แท้จริงแล้วเงินเป็นสิ่งที่สูญเสียมูลค่ามาตลอดในระยะยาว หนึ่งในสิ่งที่คุณควรจะรู้ก็คือ
“มนุษย์เป็นสิ่งที่มีความต้องการไม่สิ้นสุดมีความโลภในสิ่งใดก็ตามที่ตนเองเห็นว่ามีมูลค่าไม่ว่าจะสิ่งของหรือเงินตรา แต่การที่สิ่งนั้นจะสามารถอยู่รอดจากการเสื่อมมูลค่าได้สิ่งนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการต่อต้านภาวะเงินเฟ้อ (Deflation)”
ถ้าใครเคยศึกษาประวัติศาสตร์การเงินเราจะพบว่าในสมัยหนึ่งเราเคยใช้เปลือกหอยในการแลกเปลี่ยนนั่นเป็นเพราะว่าในสมัยนั้นการคมนาคมไม่ได้ดี เปลือกหอยจึงกลายเป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านการเสียมูลค่าเพราะมันหาได้ยาก แต่เมื่อการคมนาคมดีขึ้นผู้คนก็ทำลายระบบนี้ด้วยความโลภของตัวคนเอง
ถ้าคุณลองคิดดีๆทองคำนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีการยอมรับเท่ากับเงินคุณไม่สามารถเอาทองไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อได้ แต่ทองคำกลับมีค่าที่เพิ่มขึ้นตลอดนั้นเพราะมันผลิตได้น้อยมากในแต่ละปีทำให้มันเหมือนกับมีจำนวนที่แทบจำกัด
และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Bitcoin มีมูลค่า การที่ Bitcoin จะถูกนำไปซื้อของได้เยอะหรือน้อยนั้นเป็นเพียงเหตุผลเล็กๆ เท่านั้นที่ทำให้มันมีมูลค่า ส่วนที่สำคัญคือ
“มันเป็นสิ่งที่ต่อต้านการทำลายมูลค่าได้ดีที่สุดในทางทฤษฎี”
ไม่ว่า Bitcoin จะมีคนขุดมากแค่ไหนมันจะถูกผลิตด้วยอัตราคงที่และน้อยลงเรื่อยตามหลัก Halving และมีจำนวนที่จำกัด
และด้วยเหตุนี้เองนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีคนเชื่อมั่นใน Bitcoin และ ถือมันในระยะยาวมากกว่าจะเทขายมันออกไป
จากด้านบนที่เราพูดถึงความสามารถในการต่อต้านการเสียมูลค่าของ Bitcoin ซึ่งมันยังรวมถึงความปลอดภัยที่ Bitcoin มีอีกด้วย ในทางทฤษฏีแล้วมีโอกาสที่ Blockchain ใดๆก็ตามอาจถูกทำลายหรือถูกเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่มันต้องใช้ต้นทุนมหาศาลมากๆในระดับที่ไม่มีใครบนโลกทำแล้วคุ้มค่าเหนื่อยก็ว่าได้
คุณอาจจะเคยได้ยินว่ามี Cryptocurrency อื่นๆที่ถูกสร้างขึ้นมาและทำอะไรได้หลายอย่างที่ดีกว่า Bitcoin เช่น Ethereum Bitcoincash Bitcoin SV แต่ไม่มี Cryptocurrency ตัวไหนที่จะใช้ต้นทุนในการโจมตีได้เทียบเท่ากับ Bitcoin และนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม 51% Attack จึงเป็นเรื่องไร้ความหมายสำหรับ Bitcoin เพราะผู้ที่คิดจะโจมตีนั้นจะต้องนำเงินมาทิ้งเปล่าๆเป็นมูลค่ามากกว่า หกแสนล้านบาทโดยที่ไม่ได้อะไรเลยจากการทำลาย Bitcoin
อีกประเด็นที่ผูัคนมักนำมาเป็นประเด็นคือเมื่อ Libra และหยวนดิจิทัลเกิด Bitcoin จะถุกลดความสำคัญและอาจไม่มีใครสนใจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างไร้สาระ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการที่คุณเอาของสองอย่างที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยมาเปรียบเทียบกัน
คนมักจะเข้าใจว่า Bitcoin ในชื่อเงินดิจิทัลซึ่งมักจะเข้าใจว่ามันมีการทำงานเหมือนเงินของรัฐและมาแข่งกับรัฐ ซึ่งไม่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของ Bitcoin และเงินของรัฐคือการถูกควบคุม
Bitcoin นั้นเป็นแค่ซอฟต์แวร์ที่ทำงานตามที่ออกแบบไว้มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อเครือข่ายส่วนมากเห็นไปในทางเดียวกัน มันไม่มีรัฐบาลหรือตัวกลางที่จะมาคอยดูแลควบคุมอัตราการผลิตของ Bitcoin ว่ามันต้องผลิตมากขึ้นให้เข้ากับอัตราดอกเบี้ย
ไม่ว่า Bitcoin จะเติบโตเท่าไหร่มันจะไม่มีทางมาแทนที่เงินรัฐที่รัฐควบคุมเป็นเครื่องมือในการทำนโยบายทางการเงินของรัฐบา
ไม่ว่าเงินรัฐจะมีประสิทธิภาพดีและใช้งานเยอะแค่ไหนมันก็ไม่สามารถแทนที่ Bitcoin ได้เพราะมันถูกรัฐควมคุมหรือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
ในความเป็นจริงแล้วในทุกๆตลาดนั้นหากมีใครซักคนที่ถือสินทรัพย์นั้นจำนวนเป็นจำนวนมากก็จะทำให้คนๆนั่นมีความสามารถในการควบคุมราคาสินทรัพย์นั้นตามใจชอบ และนั่นทำให้เป็นสิ่งที่นักลงทุนในโลกเดิมกังวลอย่างมาก ซึ่งเหตุผลเป็นเพราะว่าในตลาดหุ้นนั้น เมื่อเกิดการปั่นและทุบราคานักลงทุนจะขาดทุนเป็นเวลานานเนื่องจากว่าหุ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถโยกย้ายขายได้นอกจากในตลาด นอกจากนี้การซื้อขายหุ้นนอกตลาดก็ไม่รวดเร็วเสียด้วย
แต่ในแง่ Bitcoin หรือ Cryptocurrency นั้นคุณสมบัติที่มีเพิ่มขึ้นมาคือความ Borderless เมื่อเกิดการปั่นราคาหรือทุบราคาที่ตลาดใดตลาดนึงของสิ่งที่เกิดขึ้นคือตลาดจะเกิดการ Abritage จากตลาดนึงไปสู่อีกนึงเพราะจะมีผู้ที่พร้อมจะทำกำไรจากราคาที่แตกต่างกัน หรือพูดง่ายๆคือมันไม่ถูกปิดกันหรือจำกัดแค่ในตลาดใดตลาดนึงนั่นเอง
คนที่กล่าวว่า Bitcoin ไม่มีมูลค่าพื้นฐานคือคนที่เข้าใจคุณสมบัติของ Bitcoin ผิดเนื่องจาก Bitcoin นั้นไม่ใช่หุ้นที่เกิดจากการระดมทุนเงิน Bitcoin นั้นคล้ายกับสินทรัพย์โภคภัณฑ์อย่างทองคำน้ำมัน ที่มีมูลค่าตามความต้องการมากกว่า
และหากเราตัดเรื่องความต้องการในการใช้งาน Bitcoin ออกไป Bitcoin นั้นก็ยังมีมูลค่าพื้นฐานในฐานะระบบชำระเงินระดับโลก หากเราเปรียบเทียบว่าทุกวันนี้ระบบชำระเงินไม่ว่าจะ Visa Paypal หรือธนาคารก็ตามต่างจ้องมีต้นทุนในการสร้างทั้งนั้น
คำว่าเงินในอากาศเกิดจากความคุ้นชินของมนุษย์ที่จับต้องเงินกระดาษที่จับต้องได้มาตลอดจึงไม่ไว้ใจสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้อย่าเงินดิจิทัล นอกจากนี้ข้อมูลดิจิทัลนั้นยังเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงง่ายสำหรับผู้คนที่คุ้นเคยกับโลกดิจิทัล
แต่จริงๆแล้วมนุษย์เราต่างใช้ระบบบัญชีที่เป็นการเชื่อตัวเลขในสมุดบันทึกมาเป็นเวลานานแล้ว
และเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin นั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการจดบัญชีแบบดิจิทัล ในส่วนของปัญหาในการแก้ไขข้อมูลนั้น Bitcoin นั้นสามารถแก้ไขมันลงได้ดด้วยเทคโนโลยี Blockchain นั่นเอง
Bitcoin นั้นไม่ต่างอะไรกับสกุลเงินทางเลือกที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากเงินรัฐ แม้มันจะมีอิสระแต่มันก็เป็นตลาดที่เล็กเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆอย่างทองหรือหุ้น และเมื่อเทียบกันแล้วความเชื่อมั่นของมันต่อคนหมู่มากก็เทียบกับสินทรัพย์อื่นไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามมันคือเทคโนโลยีในรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจมันอาจจะใช้เวลาในการเติบโตมากกว่าที่ใครคิดจน หากคุณคิดจะลงทุนใน Bitcoin คุณไม่ควรเอาเงินที่คุณไม่สามารถเสี่ยงได้มาลงทุนกับมัน