Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

April 20, 2025
ข่าว
1
min read

BIS เตือน! DeFi เสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ แนะตั้งกฎ KYC–เปิดเผยข้อมูล–ขึ้นมาตรฐานผู้ให้บริการ

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements - BIS) เผยรายงานล่าสุดที่มีชื่อว่า"Cryptocurrencies and Decentralised Finance: Functions and Financial Stability Implications" ซึ่งชี้ว่า DeFi หรือการเงินแบบไร้ตัวกลาง เริ่มมีความเชื่อมโยงลึกกับภาคการเงินดั้งเดิมมากขึ้น ผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง คริปโต ETF และ การโทเค็นสินทรัพย์โลกจริง (Real World Asset Tokenization)

BIS เสนอแนวคิด "ควบคุมความเสี่ยง" ไม่ใช่ "แบน"

ในรายงานดังกล่าว BIS ระบุว่า

“เป้าหมายของกฎระเบียบเชิงป้องกัน (prudential regulation) คือเพื่อให้แน่ใจว่า ความเสี่ยงจากคริปโตและ DeFi จะไม่ลุกลามเข้าสู่ภาคการเงินหลักและเศรษฐกิจจริง” โดยเสนอให้ใช้แนวทาง “ควบคุม” (contain) แทนการ “ห้าม” (ban) ซึ่งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีหรือเป็นไปได้

รายงานยังกล่าวถึง “externalities” หรือผลกระทบภายนอกที่เกิดจากพฤติกรรมในตลาดคริปโต ซึ่งอาจสร้างต้นทุนให้กับบุคคลภายนอกโดยไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรณีหลอกลวง (scams) หรือการให้ข้อมูลผิดพลาด

“แม้คริปโตจะดูโปร่งใส แต่ผู้ใช้ทั่วไปก็ยังแยกแยะคุณภาพของโปรเจกต์ได้ยาก โดยเฉพาะในโลก DeFi ที่มีความใหม่และซับซ้อน”

โปร่งใสแต่เสี่ยง? ผู้เขียนชี้ DeFi อาจผลักให้ผู้เล่นเสี่ยงมากขึ้น

BIS ยังชี้ว่า แม้บล็อกเชนจะเปิดเผยข้อมูล แต่ ความเป็นนิรนาม กลับทำให้ผู้เล่นในระบบไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (reputational risk) ซึ่งอาจส่งผลให้คนกล้าเสี่ยงเกินพอดี

จึงเสนอว่า DeFi ควรถูกกำกับด้วยกฎคล้ายกับภาคการเงินดั้งเดิม เช่น

  • การเปิดเผยข้อมูลอย่างเหมาะสม (disclosure)
  • การยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน (KYC)
  • การตั้งมาตรฐานวิชาชีพสำหรับผู้ให้บริการ

คนวงในคริปโตโต้กลับ! “รายงานนี้อันตราย และเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง”

รายงานของ BIS จุดกระแสโต้กลับอย่างดุเดือดจากนักลงทุนและผู้ก่อตั้งโปรเจกต์คริปโตหลายราย โดยเฉพาะ คริสโตเฟอร์ เพอร์กินส์ (Christopher Perkins) ประธานของบริษัทร่วมทุนด้านคริปโต CoinFund ที่ออกมาโพสต์บน X ว่า:

“ข้อเสนอของพวกเขาหลายอย่างมาจากความกลัว ความเย่อหยิ่ง หรือความไม่รู้ และมันอันตรายมาก… ถ้านำไปใช้จริง จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจมากกว่าที่จะช่วยป้องกัน”

เพอร์กินส์ยังไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาเรื่อง "ข้อมูลไม่สมดุล" (information asymmetry) โดยเขาแย้งว่า

“โค้ดโอเพ่นซอร์สที่ทำงานตามที่เขียนไว้ โปร่งใสกว่าระบบการเงินดั้งเดิมที่มืดมนเสียอีก”

ด้าน ไมเคิล เอกอรอฟ (Michael Egorov) ผู้ก่อตั้ง Curve Finance ก็แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “Boycott this sh-t” เป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยแบบตรงไปตรงมาที่สุดต่อแนวทางของ BIS

รายงานจาก BIS สะท้อนความกังวลของสถาบันการเงินระดับโลกต่อการเติบโตของ DeFi และคริปโตที่เริ่มเข้าไปใกล้กับระบบการเงินแบบดั้งเดิมคำถามที่ยังค้างคาในวงการคือ: ควร “ควบคุม” อย่างไรโดยไม่ทำลายโอกาสของนวัตกรรม?

อ้างอิง : theblock.co

ข่าวที่คุณอาจสนใจ