Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

April 19, 2025
ข่าว
1
min read

Ethereum เสี่ยงเจอคอขวด! ถ้าไม่เร่งขยาย blob space รับมือ L2 ที่โตพุ่งแรง

จากรายงานล่าสุดของ The DeFi Report เผยว่า Ethereum (ETH) จำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาขีดจำกัดด้านความสามารถในการรองรับธุรกรรม (Scalability) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเครือข่าย เลเยอร์ 2 (L2) อย่างยั่งยืน และหลีกเลี่ยงปัญหาค่าธรรมเนียมสูงในอนาคต

Blob คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับ L2?

Ethereum ได้เปิดตัวระบบจัดเก็บข้อมูลราคาถูกในชื่อว่า “Blob” ผ่านการอัปเกรด EIP-4844 ซึ่งช่วยให้ L2 อย่าง Base, Arbitrum และ Optimism สามารถบันทึกธุรกรรมแบบต้นทุนต่ำลงบนเครือข่ายหลัก (L1)

ปัจจุบัน Ethereum รองรับเป้าหมาย 3 Blob ต่อบล็อก ซึ่งเพียงพอในระยะสั้น แต่เมื่อ L2 เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ความต้องการพื้นที่ Blob จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อัปเกรด Pectra มาแล้ว... แต่อาจยังไม่พอ!

Ethereum เตรียมอัปเกรดครั้งใหม่ในชื่อว่า Pectra ที่จะเพิ่มเป้าหมายเป็น 6 Blob ต่อบล็อก แต่รายงานคาดการณ์ว่า ถ้าการใช้งานบน L2 โตแบบ “คูณสิบ” ความจุ Blob ก็ยังไม่เพียงพอ

จากแบบจำลองของ The DeFi Report หากไม่มีการเพิ่ม Blob อย่างเหมาะสม ค่าธรรมเนียมธุรกรรมบน L2 อาจพุ่งสูงถึง $0.64 ต่อรายการ ซึ่งจะทำให้การใช้งานไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

เป้าหมายใหม่: 33 Blob ต่อบล็อก เพื่อรักษาค่าธรรมเนียมไม่เกิน $0.02

เพื่อคงค่าธรรมเนียม L2 ให้ต่ำกว่า $0.02 ต่อรายการ Ethereum จะต้องขยายความสามารถในการรองรับ Blob ให้ได้อย่างน้อย 33 Blob ต่อบล็อก

แม้จะมีแผนการอัปเกรดเพิ่มเติม เช่น PeerDAS และ Fusaka ที่จะช่วยขยายศักยภาพด้านข้อมูล แต่ถ้าช้ากว่าการเติบโตของ L2 Ethereum อาจกลับไปเจอปัญหาค่าธรรมเนียมแพงบนเลเยอร์หลักเหมือนในอดีต

กรณีศึกษา: Base โดย Coinbase

Base ซึ่งเป็นเครือข่าย L2 ของ Coinbase ถูกยกเป็นตัวอย่างของการเติบโตที่ทั้ง “สร้างโอกาส” และ “เพิ่มภาระ”

  • มีผู้ใช้งานกว่า 155 ล้าน Address
  • สะสมค่าธรรมเนียมรวมกว่า 106 ล้านดอลลาร์
  • ดึงเหรียญ ETH เข้าสู่เครือข่ายได้กว่า 1.9 ล้าน ETH (คิดเป็น 1.6% ของอุปทาน ETH)
  • มีมูลค่า Total Value Locked (TVL) เกือบ $10,000 ล้าน
  • สร้างรายได้ให้ Ethereum L1 ผ่านค่าธรรมเนียม Blob กว่า $4.5 ล้าน

แต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Base มีปริมาณการทำธุรกรรมเฉลี่ยสูงถึง 93 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งเมื่อรวมกับ L2 อื่น ๆ อาจทำให้ระบบหลักรับไม่ไหว หากไม่เพิ่มขีดความสามารถให้ทันเวลา

อนาคตของ Ethereum กับกลยุทธ์ L2

Ethereum ตั้งใจจะเป็น เครือข่ายหลักสำหรับความปลอดภัย, การยืนยันธุรกรรม และการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแก่ L2 ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้ผ่านค่าธรรมเนียม Blob โดยไม่ต้องแบกรับภาระธุรกรรมตรงๆ

แต่ความสำเร็จของโมเดลนี้ ขึ้นอยู่กับว่า Ethereum จะสามารถอัปเกรด Blob ได้เร็วพอหรือไม่ ถ้าไม่ทันเวลา อาจเปิดโอกาสให้ L1 คู่แข่ง หรือโซลูชัน Data Availability อื่น ๆ เข้ามาแย่งตลาดได้

รายงานคาดว่า หากไม่มีการปรับปรุงเพิ่มเติม ค่าธรรมเนียมบน Ethereum L1 จะกลับไปแพงเท่าเดิม แม้จะมี L2 แล้วก็ตาม

อ้างอิง : cryptoslate.com

ข่าวที่คุณอาจสนใจ