รายงานใหม่จาก Citigroup มอง Stablecoin กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา Citigroup ธนาคารระดับโลกได้เผยแพร่รายงานเชิงวิเคราะห์ใหม่ โดยระบุว่า Stablecoin อาจกำลังเข้าสู่ “ChatGPT Moment” หรือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่จะทำให้สินทรัพย์ประเภทนี้เติบโตแบบก้าวกระโดดในทศวรรษนี้
ตลาด Stablecoin อาจโต 10 เท่าในอีกไม่กี่ปี
Citigroup คาดการณ์ว่า:
- กรณีฐาน (Base Case): มูลค่าตลาด Stablecoin ทั่วโลกจะเพิ่มจากปัจจุบัน (~$240B) เป็น $1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030
- กรณีบวก (Bull Case): อาจพุ่งถึง $3.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 134 ล้านล้านบาท
- กรณีลบ (Bear Case): หากยังมีปัญหาด้านกฎหมายและเทคโนโลยี มูลค่าอาจแตะเพียง $500,000 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น
ฝั่งการเมือง-การเงินขยับแรง: ทรัมป์หนุนคริปโต, ร่างกฎหมาย Stablecoin กำลังมา
- รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ในปี 2025 ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “เป็นมิตรกับคริปโต”
- ขณะนี้ รัฐสภาสหรัฐฯ ทั้งสภาและวุฒิสภา กำลังพิจารณาร่างกฎหมาย Stablecoin
- แบงก์ยักษ์ เช่น Bank of America ก็แสดงความสนใจจะออกเหรียญ Stablecoin ของตัวเอง
"กฎหมาย Stablecoin จะเป็นตัวเร่งให้ตลาดเติบโต และดึงสถาบันการเงินใหญ่เข้ามาแข่งขันเต็มตัว" – รายงานจาก Citigroup
Stablecoin จะกลายเป็นผู้ถือพันธบัตรสหรัฐฯ รายใหญ่
Citigroup เชื่อว่า หาก Stablecoin ถูกกำกับอย่างชัดเจน จะส่งผลให้:
- ผู้ออกเหรียญ Stablecoin จำเป็นต้องถือ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasuries) เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน
- ทำให้บริษัทอย่าง Tether หรือ Circle กลายเป็นผู้ถือพันธบัตรรายใหญ่ของประเทศ
Tether ปัจจุบันมีการถือครองพันธบัตรมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์แล้ว ตามรายงานทุนสำรองล่าสุด
Citigroup ยังเตือนว่า Stablecoin อาจ:
- กระทบ เงินฝากในระบบธนาคาร (Deposit Substitution)
- ทำให้ประชาชนหันมาเก็บเงินในเหรียญดิจิทัลมากขึ้น แทนการฝากธนาคาร
“Stablecoin อาจค่อย ๆ แย่งลูกค้าจากธนาคารแบบดั้งเดิม หากไม่มีการปรับตัวหรือกำกับให้ทัน”
แบงก์ใหญ่เริ่ม Lobby ให้ควบคุม Stablecoin
เพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลง ธนาคารบางแห่งกำลัง ผลักดันให้รัฐออกกฎหมายควบคุม Stablecoin อย่างเข้มงวด โดยเน้นว่า:
- ต้องจำกัด “ใคร” สามารถออกเหรียญ Stablecoin ได้
- หวังลดการแข่งขันจากบริษัทคริปโตนอกระบบธนาคาร
อ้างอิง : theblock.co
ภาพ euronews.com