Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้เริ่มอ่อนค่าลงอีกครั้งโดยมีปัจจัยกดดันจากหลายด้านที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลกหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะเรื่อง Tariffหรือภาษีนำเข้าที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้งในด้านการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก
นอกจากนี้สถานะทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณเปราะบางมากขึ้นโดยมีความเป็นไปได้ที่หากเศรษฐกิจชะลอตัวอาจจำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QuantitativeEasing หรือQE)อีกครั้งขณะที่ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed)เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยยังคงไม่ชัดเจนซึ่งยิ่งเพิ่มระดับความไม่แน่นอนในตลาดเงินให้สูงขึ้น
คณะนักวิเคราะห์บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอลจำกัด ระบุว่า ด้วยปัจจัยเหล่านี้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจึงเริ่มทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์และเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ถือว่าปลอดภัยมากกว่าอาทิ ทองคำ หรือ Bitcoinซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
ทั้งนี้กระแสการซื้อทองคำได้เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทยเช่นกันโดยนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากนำทองคำมาขายให้กับร้านทองซึ่งร้านทองจะส่งต่อไปยังผู้ค้าส่งก่อนจะส่งออกทองคำไปยังตลาดต่างประเทศกระบวนการนี้จำเป็นต้องแปลงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อใช้ในการค้าระหว่างประเทศและเมื่อนำเงินดอลลาร์ที่ได้มาแปลงกลับเป็นเงินบาทจะเกิดแรงซื้อเงินบาทในระบบส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ราคาทองคำสูง
ขณะเดียวกันBitcoinก็ยังคงแสดงความแข็งแกร่งแม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยทางเศรษฐกิจโดยข้อมูล On-Chainระบุว่านักลงทุนระยะสั้น (Short-TermHolders) มีการขายขาดทุนจำนวนมากในช่วงที่ตลาดผันผวนขณะที่นักลงทุนระยะยาว(Long-TermHolders) ที่ถือเหรียญมานานกว่า155วันยังคงสามารถทำกำไรได้เมื่อมีการขายออก
แม้ว่าปริมาณเงินทุนใหม่ที่ไหลเข้าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะเริ่มชะลอตัวแต่สัญญาณที่น่าสนใจคือการกลับมาเพิ่มขึ้นของปริมาณการถือครองBitcoinโดยกลุ่มนักลงทุนระยะยาวซึ่งสะท้อนถึงระยะเริ่มต้นของการสะสมรอบใหม่
การเคลื่อนไหวเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของBitcoinที่ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์ทางเลือกแต่ยังสามารถตอบโจทย์ทั้งในเชิงการเติบโตของมูลค่าในระยะยาวและการกระจายความเสี่ยงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่ยังคงเลือกลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก
การโยกย้ายของเม็ดเงินลงทุนจากเงินดอลลาร์ไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยไม่เพียงแต่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักลงทุนแต่ยังสะท้อนแนวโน้มสำคัญของเศรษฐกิจโลกที่กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวครั้งสำคัญซึ่งนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยควรติดตามอย่างใกล้ชิด
หมายเหตุ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวนโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้นไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใดการลงทุนมีความเสี่ยงควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
เกี่ยวกับบริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอลจำกัด
บริษัทเมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัดได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การดูแลกำกับ จากสำนักงานก.ล.ต. สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทโปรดดูได้ทางเว็บไซต์ https://merkle.capital/