Announcement เปลี่ยนจากตรงนี้

July 30, 2021
Featured|บทความ

Future Contract โอกาสการทำกำไรที่มากขึ้นบน OKEx

การเทรดเป็นสิ่งที่สร้างโอกาสให้ใครต่อหลายคน เพราะเราสามารถเข้ามาทำกำไรตรงนี้ ได้บริหารเงินและได้ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม โลกการเทรดก็ยังมีความท้าทายให้นักลงทุนอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือการเทรด Future

หลาย ๆ คนอาจจะได้ยินคำว่า Future บ่อยจนติดหู แต่ก็อาจจะยังไม่มีโอกาสมาลองใช้ ด้วยหลาย ๆ สาเหตุ เพราะฉะนั้นในวันนี้เราเลยจะมารีวิวการเทรด Future Contract แบบละเอียด เพื่อให้นักลงทุนที่อาจจะยังไม่เคยเทรดหรือไม่ค่อยเข้าใจในการเทรด Future ได้มีโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นนักลงทุนก็ควรศึกษาการลงทุนหรือยอมรับความเสี่ยงก่อนการลงทุนเสมอ

Exchange

ทีนี้ เรามาเริ่มกันได้! โดยขั้นตอนต่อไปนี้จะเริ่มตั้งแต่ขั้นแรกมาก ๆ ก็คือตั้งแต่เลือก Exchange และการเปิดบัญชี ซึ่ง Exchange ที่เราจะเลือกมาใช้ในวันนี้ก็คือ OKEx นั่นเอง สำหรับ OKEx นั้นนักเทรดคริปโตฯ ตั้งแต่ยุคบุกเบิกจะทราบกันดีว่าที่นี่เป็นตลาดที่เปิด Future มาอย่างยาวนานและยังเป้นผู้นำตลาดฟิวเจอร์อยู่ทั้งในด้านวอลุ่มและความแข็งแกร่งของระบบอันเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ก่อตั้ง  

เพราะจาก CoinMarketCap OKEx เป็น Exchange ที่มีคะแนนในเรื่องของจำนวนผู้ใช้งาน, สภาพคล่อง, ความแม่นยำของตัวเลขบนแพลตฟอร์ม และปริมาณการเทรดที่ดี โดยเฉพาะเรื่องปริมาณการเทรดนั้น OKEx ถือว่าค่อนข้างสูงเพราะแพลตฟอร์มมีปริมาณการเทรดที่ติดอันดับ 4 ของ Exchange จากกว่าร้อยเลยทีเดียว ซึ่งมีมูลค่าปริมาณการเทรดกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานในไทยค่อนข้างเยอะ โดยพวกเค้ารวมตัวกันอยู่ที่ https://t.me/okexofficial_th

Register

ถ้ายังไม่มีบัญชีก็สามารถเปิดบัญชีได้ที่ https://www.okex.com/join/1858984 

ซึ่งสามารถสมัครง่ายมาก ๆ นอกจากอีเมลหรือเบอร์แล้วเราสามารถสมัครด้วย Telegram หรือ Google Account ด้วยก็ได้

และเมื่อสมัครเสร็จแล้วก็สามารถไปลองดูกัน โดยจะเริ่มที่อธิบายการเทรดต่างและไปที่ Future Contract  ถ้าใช้ OKEx ทำตามรับรองว่าเทรด Future ได้แน่นอน

Let’s start!!!

มาเริ่มกันที่หน้า Markets ก่อน หน้า Markets จะเป็นหน้าที่มีข้อมูลของการเทรดประเภทต่าง ๆ อย่าง Spot ก็คือหน้าที่เราสามารถเทรดได้ ซึ่งก็จะแสดงคู่เทรดว่าเราสามารถเทรดอะไรคู่กับอะไรได้บ้าง เช่น BTC/USDT คือ คู่เทรดบิทคอยน์กับเหรียญ USDT และถ้าสมมุติว่าเราชอบคู่เทรดนี้ ก็สามารถกดดาวที่ข้างหน้าชื่อได้ และมันก็จะไปอยู่ที่หน้า Favorites ทำให้ถ้าเรามาเทรดครั้งหน้าก็สามารถหาคู่เทรดของเราได้ง่ายและเร็วขึ้น

ถัดมาที่หน้า Future

สัญญา Future คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งสัญญาจะไม่ได้ทันทีเหมือน Spot แต่จะยุติที่เวลาใดเวลาหนึ่ง อย่างเช่น BTCUSD0730 ซึ่งหมายความว่าเป็นคู่เทรด Bitcoin กับ U.S. Dollar และ 0730 คือวันที่หมดอายุ 

สรุป BTCUSD0730 คือ Future Contract ของคู่ Bitcoin กับ U.S. Dollar ซึ่งจะหมดอายุวันที่ 30 เดือนกรกฎาคม 

โดยก็จะมี 2 โหมดให้เลือกคือ Crypto-margined futures คือจะใช้เหรียญที่เราเลือกในสัญญา อย่างเช่น BTCUSD0730 ก็จะใช้ BTC ในการเทรด และถ้าเป็น USDT margined futures ก็จะใช้ USDT เทรดได้ทุกคู่

และถัดมาที่หน้า Perpetual Swap โดยหน้านี่เนี่ยจะต่างกับ Future นิดเดียวตรงที่ไม่มีตัวเลขวันหมดอายุ ซึ่งก็จะหมายความว่าสัญญาของ Perpetual Swap จะไม่มีวันหมดอายุนั่นเอง และมีคู่เทรดที่เยอะกว่าแบบ Future แต่สิ่งที่เหมือนก็คือมี 2 โหมดเหมือนกัน คือ Crypto-margined กับ USDT margined ขึ้นตอนต่อไปคือการเทรด

Trading

ถ้าเราจะเทรดเราสามารถกดคู่สัญญาที่เราต้องการ เช่น BTCUSD0730 จากนั้นกด Full screen ตรงมุมขวาบน

หรือจะเข้าจากเมนู Trade และเลือกที่ Basic Trading หรือ Margin Trading ก็ได้

จากนั้นเมื่อเรากดเข้ามาก็จะเจอ Interface แบบนี้ ซึ่งเมื่อพอมาถึงตรงนี้อาจเริ่มไปต่อกันไม่ถูกเพราะฉะนั้นเราจะมาเริ่มทำกันเป็น Step กันเลย

Step แรก : เลือก Contract

ให้เราไปเลือก Contract ที่เราจะทำการเทรดตรงซ้ายบน เมื่อเรากดเข้าไปก็จะเจอกับผลิตภัณฑ์มากมายให้เทรด จากนั้นให้เลือกไปที่หมวด Futures หรือ Perpetual และเลือก Contract ที่เราต้องการจะเทรด อย่างตัวอย่างนี้จะใช้ Future สัญญา BTCUSD0730

Contract Future ที่คู่กับ U.S. Dollar หรือ USDT ก็จะมี BTC, ETH, LTC, DOT, EOS และอื่นอีกประมาณ 8 ตัว ถ้าใครอยากเทรดตัวอื่นที่ไม่มีใน Future ก็สามารถไปที่แบบ Perpetual ได้ 

ถ้าเราจะเทรดแบบ Crypto-margined ก่อนจะเทรด เราต้องมีเหรียญที่เราต้องการจะเทรดหรือถ้าเทรดแบบ USDT margined ก็ต้องมี USDT อยู่ใน Trading Wallet เสียก่อน ถ้ายังไม่มีก็สามารถโอนข้ามจากที่อื่นมา หรือจะซื้อบน OKEx เลยได้ด้วยนะที่ https://www.okex.com/buy-crypto ซึ่งสามารถซื้อผ่าน Promptpay หรือจะโอนธนาคารผ่าน P2P ก็ได้ 

จากนั้นเมื่อได้เหรียญที่ต้องการเทรดแล้ว ก็ Transfer จาก Funding Account ไปที่ Trading Account เมื่อ Transfer เสร็จเราก็จะได้เหรียญที่พร้อมเทรด

Step สอง : เลือก Margin Mode

จากนั้นเมื่อเลือก Contract ที่ต้องการเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือเลือกประเภทของ Margin ที่ใช้ ซึ่งก็จะมีแบบของ Isolated กับ Cross ความต่างก็คือเมื่อเราเปิด Position ในแบบ Isolated การคำนวน Margin และกำไรขาดทุนจะถูกคิดแยกตาม Position นั้นหมายความว่าความเสี่ยหายจาการถูก Liquidate (บังคับขาย) จะมากสุดได้แค่ที่เราลงเงินของ Position นั้น ๆ เช่น Isolated Contract มูลค่า 1,000 USD ถ้าเราถูก Liquidate ก็จะเสียมากสุดที่ 1,000 USD 

และแบบ Cross ก็คือ Limit Margin ของ Position จะไปได้ถึงมูลค่าสินทรัพย์ที่เรากำลังเทรดอยู่ ซึ่งเมื่อเราถูก Liquidate ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากที่จุดจะไม่เกินมูลค่าสินทรัพย์ที่เราลงเป็น Cross อย่างเช่น BTCUSD Cross Contract มูลค่า 1,000 USD และเราถือ BTC อยู่เป็นมูลค่า 1,000 USD ดังนั้นถ้าเราถูก Liquidate ก็จะเสียมากสุดที่ 1,000 + 1,000 = 2,000 USD (การถือ cross ต้องระวังในระดับนึง เพราะความเสี่ยงที่อันตรายที่สุดที่เกิดขึ้นได้คือเราสามารถเสียสินทรัพย์คู่ที่เทรดอยู่ทั้งหมดได้ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่ชำนาญก็อาจจะลองแบบ Isolated ให้คล่องก่อน)

สรุปก็คือข้อดีสั้น ๆ ของแบบ Isolated จะทำให้เราเสียเงินไม่เกินที่ลงไป ส่วนข้อดีของแบบ Cross ก็คือจะทำให้เราสามารถยืน Position จากการขาดทุนได้นานกว่าเดิม

Step สุดท้าย : ส่งคำสั่งซื้อ/ขาย

เมื่อเราเข้าใจประเภทของ Margin แล้วทีนี้เรามาทำความเข้าใจและส่งคำสั่งซื้อ/ขายกัน

โดยหลัก ๆ ก็จะมีเหมือนในรูปก็คือราคาที่จะซื้อ/ขาย ถ้าเราอยากซื้อ/ขายทันทีก็สามารถกดที่ BBO(Buy at best offer price or sell at best bid place) ได้เลย หลังจากใส่ตัวเลขเสร็จก็สามารถกด Buy เพื่อเปิดเป็น Long Position หรือ Sell เพื่อเป็น Short Position และถ้าคำสั่งซื้อของเรายังไม่ถูก Fulfill มันจะไปขึ้นแสดงอยู่ที่ Open Orders เหมือนกับการเทรด Spot จากนั้นถ้า Fulfill แล้วก็จะไปขึ้นที่ Position และถ้าเราต้องการปิด Position ก็กดปุ่ม Close ในหน้า Position

ซึ่งถ้าเราต้องการเทรดแบบ Perpetual swap ก็จะต่างกับวิธีนี้ตรงแค่ ในการเลือกตอนแรกให้เลือกเป็นสัญญา Perpetual 

Stop Loss and Take Profit

นักลงทุนบางคนก็อาจจะไม่ค่อยมีเวลาว่างมา Take Profit หรือมาคอย Stop Loss เอง วันนี้เราเลยจะสอนการใช้ Auto Take Profit กับ Auto Stop Loss ด้วย ซึ่งการทำนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่กดที่ช่อง Take Profit จากนั้นก็ใส่ราคาที่เราต้องการ Take Profit ที่ TP trigger price ในตัวอย่างตั้งไว้ที่ 35,000 USD ซึ่งหมายความถ้าเราเพิ่มขึ้นมาที่ 35,000 แพลตฟอร์มจะทำการ Auto Take Profit เลยนั่นเอง และขณะเดียวในส่วนของราคาที่เราต้องการ Stop Loss เราก็ใส่ตรง SL trigger price ในตัวอย่างตั้งไว้ที่ 34,000 USD ซึ่งหมายความว่าถ้าราคาลงไปที่ 34,000 แพลตฟอร์มจะทำการ Auto Stop Loss ให้เลย

Calculator 

ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้เราสามารถหา %กำไรขาดทุน(PnL), ราคาเป้าหมาย, ราคา Liquidate เพียงกดตรง Calculator จากนั้นก็ใส่รายละเอียด

Profit and Loss(PnL)

ยกตัวอย่างการหา Liquidation Price ของ BTCUSD0730 Long Position 3X

โดยใส่ Leverage, ใส่ราคาที่เราซื้อใน Open Price, ราคาที่เราคาดว่าจะขายใน Close Price ใส่จำนวน BTC ที่ต้องการจะลงทุนใน Open Amount แล้วกด Calculate 

ในตัวอย่างจะเป็นการใช้ Leverage 3X ราคาเข้าที่ 34,455 USD Position 0.01 BTC ซึ่งถ้าปิด Position ที่ราคา 35,000 จะมีผลตอบแทนอยู่ที่ 4.67%

ราคาเป้าหมาย 

ยกตัวอย่างการหา Target Price ของ BTCUSD0730 Long Position 3X สมมุติว่าเราอยากได้ผลตอบแทน 20% ต้อง Close Position ที่ราคาเท่าไหร่

โดยใส่ Leverage, ใส่ราคาที่เราซื้อใน Open Price, %ผลตอบแทนที่เราต้องการ แล้วกด Calculate

ในตัวอย่างจะเป็นการใช้ Leverage 3X ราคาเข้าที่ 34,455 USD จะมีผลตอบแทน 10% เมื่อราคาเท่ากับ 35,643.1 USD

Liquidate Price

ด้วยความที่การเทรด Future มีความเสี่ยงที่มากกว่าการเทรดแบบ Spot ตรงที่มันสามารถถูก Liquidate ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะรู้ราคาที่เราจะโดน Liquidate โดยการหาก็ง่ายเช่นกัน 

ยกตัวอย่างการหา Liquidation Price ของ BTCUSD0730 Long Position 3X

โดยเลือก Margin Mode, ใส่ Leverage, ใส่ราคาที่เราซื้อใน Open Price, ใส่จำนวน BTC ที่ต้องการจะลงทุนใน Open Amount แล้วกด Calculate 

ในตัวอย่างจะเป็น Isolated Margin ใช้ Leverage 3X ราคาเข้าที่ 34,455 USD Position 0.01 BTC ซึ่งจะถูก Liquidate เมื่อราคา 25,957.5 USD 

จากนั้นเมื่อเราทราบ Liquidate Price แล้วเราก็สามารถคำนึงถึงความเสี่ยงที่เรารับได้หรือถ้ารับไม่ได้ก็สามารถลดการใช้ Leverage ให้ต่ำกว่าที่เลือกไว้ตอนแรก

สรุป

การเทรดแบบ Future จะต่างกับ Spot แบบปกติตรงที่ 1. สามารถใช้ leverage ได้ 2. มีการถูก liquidate 3. ตัวสัญญามีวันหมดอายุ และแบบ Perpetual ตรงที่ 1. ตัวสัญญามีวันหมดอายุ 2. คู่เทรดน้อย โดยถ้าเราต้องใช้ leverage เทรดสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุและเหรียญเยอะกว่า ก็สามารถไปที่ Perpetual Swap ได้

อย่างไรก็ตาม การ Leverage นั้นเป็นวิธีที่จะทำให้เราเพิ่มกำไรได้มากกว่าเดิมได้ซึ่งบางคนอาจได้ไปถึงเป็นพันเป็นหมื่นเปอร์เซนต์ แต่อย่างไรก็ตาม High Reward ย่อมมาพร้อมกับ High Risk เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วนักลงทุนก็ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนการลงทุนเสมอ 

Campaign พิเศษสำหรับผู้อ่านบทความนี้ 🎉 

🔥OKEx SEA แคมเปญ AXIE

ผู้เข้าร่วมที่มีสิทธิ์จะได้รับรางวัล NFT สุดพิเศษ ราคาต่อ NFT สูงถึง 2,000 USDT

ระยะเวลาโปรโมชั่น: วันที่ 30 กรกฎาคม เวลา 23.00 น. - วันที่ 4 สิงหาคม เวลา 23.00 น.

กฎกติกา

🔸 แจก 3 NFT AXIS สำหรับผู้ใช้ที่ฝากโทเค็น AXS 450 โทเค็นบน OKEx สำหรับสามคนแรก มาก่อนได้ก่อน!

🔸 ล็อค 5 วัน นับตั้งแต่เริ่มแคมเปญ เป็นเวลา 5 วัน ผู้เข้าร่วมจะได้รับอนุญาตให้แลกเปลี่ยน 450 AXS (การซื้อขายบางส่วนจะถูกตัดสิทธิ์)  ที่ฝากไว้ในช่วงระยะเวลาของแคมเปญหรือล็อกไว้ในบัญชี

สามารถ Stake ได้ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาแคมเปญ ผู้เข้าร่วมสามารถถอนโทเค็นได้

เราจะจับภาพหน้าจอระหว่างแคมเปญ การถอน AXS ระหว่างแคมเปญ จะถูกตัดสิทธิ์ทันที

หากผู้เข้าร่วมต้องการถอนสินทรัพย์ คุณต้องขายโทเค็น AXS ทั้งหมดของคุณ ซึ่งขั้นต่ำคือ 450 AXS โทเค็น และการถอน USDT ของคุณจะยังคงมีสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล

หากทำการถอนออกในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ จะไม่ถูกนับและจะถูกตัดสิทธิ์

🔸 กรอกแบบฟอร์มพร้อมรายละเอียดบัญชีของคุณ

https://forms.gle/D1pDUrJKXCu5s45r8

🔸เราจะประกาศผลผู้ชนะหลังจบกิจกรรมและแจกรางวัล NFT ภายใน 10 วันทำการ โดยแอดมินของทาง OKEx

บทความที่คุณอาจสนใจ