‍สรุปให้แล้ววิธีดูกราฟคริปโต ไม่ยากอย่างที่คิด

‍

หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่นักลงทุนต้องเจอเมื่อเปิดแอปเทรดก็คือกราฟคริปโต และคำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือวิธีดูกราฟจะต้องทำอย่างไร แบบไหนคือขึ้น แบบไหนคือลง แล้วทำไมต้องเป็นกราฟแท่งเทียน ในบทความนี้ เราสรุปวิธีดูกราฟแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้ว

ประเภทของกราฟ Crypto มีอะไรบ้าง?

เริ่มต้นกันที่การทำความรู้จักประเภทกราฟ Crypto โดยกราฟที่มักจะมาพร้อมกับแอปเทรดส่วนใหญ่จะมี 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

‍

1.กราฟแท่งเทียน (Candlesticks)

กราฟแท่งเทียนเป็นกราฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ไม่ใช่แค่ในการเทรดคริปโตเท่านั้น แต่รวมถึงการเทรดสินทรัพย์เกือบทุกประเภท เช่น หุ้น หรือ ทองคำ เนื่องจากกราฟแท่งเทียนสามารถบอกข้อมูลราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงเลือกใช้กราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์นั่นเอง

2.กราฟแท่ง (Bar Chart)

กราฟแท่งหรือ Bar Chart สามารถบอกราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดได้เหมือนกับกราฟแท่งเทียน เพียงแต่จะไม่มีตัวเทียน มีแค่ขีดให้เห็นราคาเปิด-ปิด นักวิเคราะห์บางคนจึงเลือกดูกราฟแท่งเพราะดูโล่งสบายตามากกว่า

3.กราฟเส้น (Line Chart)

กราฟอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถเลือกใช้ได้ในแอปเทรดคริปโต อย่างไรก็ตาม กราฟเส้นเป็นกราฟที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นกราฟที่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ครบถ้วน และยังใช้วิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้ค่อนข้างน้อย

‍

วิธีดูกราฟแท่งเทียน

‍

เนื่องจากกราฟแท่งเทียนได้รับความนิยมที่สุดในวิธีดูกราฟ crypto ดังนั้นเราจะมาเรียนรู้วิธีดูกราฟแท่งเทียนไปด้วยกัน 

1.แท่งเทียน 1 แท่ง = ช่วงเวลาที่เลือก

กราฟแท่งเทียนสามารถบอกราคาเปิด-ราคาปิด และราคาสูงสุด-ต่ำสุดภายในช่วงเวลาหนึ่งได้ โดยแท่งเทียน 1 แท่งจะแทนการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาที่เลือก เช่น ถ้าเลือกให้กราฟแสดงผล 1 ชั่วโมง (1 Hour) แท่งเทียน 1 แท่งก็จะเท่ากับ 1 ชั่วโมง

‍

2.เขียวปิดสูง แดงปิดต่ำ

แอปเทรดส่วนใหญ่มักจะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้กราฟแท่งเทียนแสดงผล 2 สีหลัก ๆ ได้แก่ สีเขียวที่ใช้แทนช่วงเวลาที่ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดหรือหมายถึงราคาสูงขึ้น และสีแดงที่หมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดหรือเท่ากับราคาต่ำลง

‍

3.เนื้อเทียน-ไส้เทียน

จะเห็นได้ว่ากราฟแท่งเทียนแต่ละแท่งจะมีส่วนที่หนาและส่วนที่บาง โดยส่วนที่หนาเราเรียกว่าเนื้อเทียน ใช้บอกราคาเปิด-ปิด และส่วนที่บางเรียกว่าไส้เทียน ใช้บอกช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวสูงสุด-ต่ำสุดของช่วงเวลานั้น ๆ

‍

พื้นฐานกราฟเทคนิค กราฟแบบไหนขาขึ้น แบบไหนขาลง

‍

เมื่อเข้าใจแล้วว่ากราฟแท่งเทียนหนึ่งแท่งสามารถบอกอะไรได้บ้าง อันดับต่อมาคือวิธีดูรูปแบบของกราฟที่สามารถพบได้บ่อย โดยแบ่งประเภทตามจำนวนแท่งเทียน เริ่มจากแท่งเทียน 1 แท่ง ไปจนถึง 3 แท่ง โดยถึงแม้ว่าความซับซ้อนจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนแท่งเทียน แต่ก็สามารถวิเคราะห์ทิศทางได้แม่นยำมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งมีตัวอย่างที่น่าจดจำดังนี้

ตัวอย่างรูปแบบของแท่งเทียน 1 แท่ง

‍

1.Doji

รูปร่างของแท่งเทียนที่ราคาเปิดและราคาปิดเท่ากัน สะท้อนว่าแรงซื้อ-แรงขายมีพอ ๆ กัน วิเคราะห์ได้ว่าตลาดอาจจะยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน หรืออาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มได้

‍

2.Hammer

เป็นแท่งเทียนที่มีเนื้อสั้นอยู่ด้านบนและมีไส้ยาวอยู่ด้านล่าง รูปร่างจึงคล้ายกับค้อน (Hammer) ที่ตั้งหัวขึ้น หากเกิดในทิศทางขาลง ก็อาจวิเคราะห์ได้ว่าราคามีแนวโน้มจะกลับตัวจากขาลงเป็นขึ้น 

‍

ในทางกลับกัน หากเป็นแท่งเทียนที่มีเนื้อสั้นอยู่ด้านล่าง และไส้ยาวอยู่ด้านบน คล้ายค้อนที่วางกลับหัว เรียกว่า Inverted Hammer หากเกิดในทิศทางขาขึ้น ก็อาจเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกลับตัวจากขึ้นเป็นลง

‍

3.Spinning Top

แท่งเทียนที่มีรูปร่างคล้ายกับลูกข่าง มีเนื้อเทียนสั้นและไส้เทียนยาวทั้งบนและล่าง สะท้อนถึงความลังเลของตลาด หากเกิดตอนที่ราคาเป็นแนวโน้มขาขึ้น อาจวิเคราะห์ได้ว่าแรงซื้ออ่อนลงและอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาลง

‍

ในการกลับกัน หาก Spinning Top เกิดตอนราคาเป็นขาลง ก็จะสะท้อนว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงและราคาอาจกลับตัวเป็นขาขึ้นได้

‍

ตัวอย่างรูปแบบของแท่งเทียน 2 แท่ง

‍

1.Engulfing

แปลว่า "กลืนกิน" ซึ่งประกอบด้วย 2 แท่งเทียน โดยแท่งแรกมีขนาดเล็กกว่าแท่งที่สอง และแท่งที่สองต้องมีเนื้อเทียนใหญ่กว่าเนื้อเทียนของแท่งแรก หากเกิดขึ้นในตลาดขาลงจะเรียกว่า Bull Engulfing ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น แต่ถ้าเกิดตอนขาขึ้นจะเรียกว่า Bear Engulfing ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง

‍

2.Tweezer 

แปลว่า “คีมหนีบ” แบ่งออกได้เป็น 2 แบบดังนี้

2.1 Tweezer Tops 

แท่งเทียนแท่งแรกเป็นสีเขียว และแท่งเทียนที่สองเป็นสีแดง โดยไส้เทียนของทั้งสองแท่งจะยาวเท่ากัน มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุดทิศทางขาขึ้น จึงเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง

2.1 Tweezer Bottoms 

แท่งเทียนแท่งแรกเป็นสีแดง และแท่งเทียนที่สองเป็นสีเขียว โดยไส้เทียนของทั้งสองแท่งจะยาวเท่ากัน มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุดทิศทางขาลง จึงเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง

‍

ตัวอย่างรูปแบบของแท่งเทียน 3 แท่ง

‍

Morning Star / Evening Star 

เป็นรูปแบบกราฟที่บอกถึงโอกาสกลับตัวของทิศทางราคาที่ค่อนข้างแม่นยำ โดย Morning Star จะเกิดขึ้นในขาลงและสะท้อนโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น ส่วน Evening Star เกิดในขาขึ้น สะท้อนโอกาสกลับตัวเป็นขาลง

‍

เริ่มจาก Morning Star ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง ดังนี้

• แท่งแรก : เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดกลางถึงใหญ่
• แท่งที่สอง : เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก เขียวหรือแดงก็ได้ 
• แท่งที่สาม : เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดกลางถึงใหญ่ อยู่สูงกว่าแท่งที่สอง และมีราคาปิดสูงกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งแรก
  
  

ส่วน Evening Star  ซึ่งประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง ดังนี้

• แท่งแรก : เป็นแท่งเทียนสีเขียวขนาดกลางถึงใหญ่
• แท่งที่สอง : เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก เขียวหรือแดงก็ได้ 
• แท่งที่สาม : เป็นแท่งเทียนสีแดงขนาดกลางถึงใหญ่ อยู่ต่ำกว่าแท่งที่สอง และมีราคาปิดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งแรก

สรุป

สำหรับวิธีดูกราฟคริปโต กราฟแท่งเทียนคือกราฟที่ได้ความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถบอกข้อมูลราคาได้ครบถ้วน โดยแอปเทรดส่วนใหญ่จะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้แท่งสีเขียวหมายถึงราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด และสีแดงหมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด

‍

ในการวิเคราะห์ทิศทางราคา นักวิเคราะห์จะใช้วิธีดูกราฟแท่งเทียนและรูปร่างของมัน โดยแบ่งระดับความซับซ้อนตามจำนวนแท่งเทียน รูปแบบกราฟแท่งเทียน 1 แท่งที่พบได้บ่อย ได้แก่ Doji, Hammer และ Spinning Top รูปแบบ 2 แท่ง ได้แก่ Engulfing และ Tweezer ส่วนรูปแบบ 3 แท่ง มีตัวอย่างคือ Morning Star / Evening Star เป็นต้น

‍

‍