Announcement เปลี่ยนจากตรงนี้
สำหรับใครก็ตามที่กำลังต้องการจะมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ Ethereum สิ่งสำคัญอีกประการคือการสร้างกระเป๋าเงินเพื่อที่ผู้ใช้จะสามารถแลกเปลี่ยนหรือถือ Ether ไว้กับตัวเอง รวมถึงโต้ตอบกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) และสัญญาอัจฉริยะที่สร้างบนแพลตฟอร์ม Ethereum ดังนั้นกระเป๋าเงินจึงเป็นตัวอำนวยความสะดวกให้กับเรา
คู่มือนี้จะอธิบายวิธีการตั้งค่าและสร้างกระเป๋าเงิน ETH บนเว็บเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) และเว็บเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX)
กระเป๋าเงินบน CEX ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของเว็บเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ถือและแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ข้อดีคือเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้
แต่แม้ว่ากระเป๋าเงินบน CEX จะมอบความสะดวกสบายให้เรา แต่มันก็มาพร้อมกับความจำเป็นที่เราจะต้องไว้วางใจเงินทุนของเราในเว็บเทรด ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกเว็บเทรดที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีประวัติที่แข็งแกร่งในการรักษาสินทรัพย์ crypto ของผู้ใช้ให้ปลอดภัย
ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจวิธีสร้างกระเป๋าเงินบน Binance พร้อมภาพประกอบกันดีกว่า
คุณสามารถสร้างกระเป๋าเงิน ETH บนเว็บไซต์ Binance หรือบนแอปสมาร์ทโฟนได้โดยทำตามขั้นตอนด้านล่าง:
ขั้นตอนที่ 1: ผู้ใช้ต้องลงทะเบียน Binance ผ่านบัญชี Google หรือ Apple ของตน โดยสามารถเลือกที่จะลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมลของตนก็ได้
ขั้นตอนที่ 2: ผู้ใช้จะต้องยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการและนโยบายความเป็นส่วนตัว โดยทำเครื่องหมายที่ช่องสีขาว หลังจากนั้นก็คลิก "ยืนยัน" เพื่อสร้างบัญชีบน Binance
ขั้นตอนที่ 3: เมื่อลงทะเบียนแล้ว เราจะถูกนำไปที่หน้าแดชบอร์ดกระเป๋าเงิน ซึ่งเราสามารถมีใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การเทรด , การ swap , การโอนแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) , ซื้อสกุลเงินดิจิทัล , และอื่นๆ อีกมากมาย
ขั้นตอนที่ 4: เราสามารถฝาก ETH ลงในกระเป๋าเงินได้โดยคลิกที่ "ฝาก"; อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของยืนยันตัวตน หรือ Know Your Customer (KYC) ให้ครบถ้วนเสียก่อน
ขั้นตอนที่ 5: เมื่อเราผ่านคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด KYC แล้ว ก็สามารถฝาก ETH ลงในกระเป๋าเงินได้โดยเลือก "ETH" ได้จากเมนู
*****เมื่อเราใช้กระเป๋าเงิน CEX เช่น Binance เราควรเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นนึงให้กับการถือครอง ETH ของเรา
กระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจ ช่วยให้การควบคุม crypto อยู่ในมือของเราอย่างสมบูรณ์ และไม่มีระบบรวมศูนย์ที่จะดูแลข้อมูลการเข้าสู่ระบบของเรา ดังนั้นเราต้องไม่ลืมตั้งค่าและจดบันทึก recovery phrase สำหรับกระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจ
ในกรณีที่เราสูญเสียการกู้คืนกระเป๋า เงินที่เก็บไว้ในกระเป๋าจะสูญหายไปอย่างถาวร เนื่องจากไม่มีหน่วยงานบุคคลที่สามรายใดที่ช่วยในการเก็บข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ทำให้กระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจจึงถูกเรียกว่าระบบ trustless
ต่อไปเรามาทำความเข้าใจวิธีการตั้งค่ากระเป๋าเงิน ETH แบบกระจายอำนาจโดยใช้กระเป๋า Coinbase wallet
Coinbase เป็นหนึ่งในเว็บเทรดแบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ที่สุด และ Coinbase Wallet ก็เป็นผลิตภัณฑ์แยกต่างหากที่นำเสนอโซลูชันกระเป๋าสตางค์แบบกระจายอำนาจ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและรับผิดชอบต่อเงินทุนและการโต้ตอบกับเครือข่ายบล็อคเชนได้มากขึ้น
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดกระเป๋าเงิน Coinbase โดยในที่นี้จะเลือกเป็น browser extension สำหรับ Chrome จากนั้นคลิก “Create New Wallet”
ขั้นตอนที่ 2: ในระหว่างขั้นตอนการตั้งค่า เราจะถูกขอให้จัดเก็บ 12 word ไว้ในที่ที่ปลอดภัย ซึ่งเราจำเป็นต้องรักษาคำเหล่านี้ให้ปลอดภัย เนื่องจากต้องใช้สำหรับการกู้คืนกระเป๋าเงิน
ขั้นตอนที่ 3: เราจะต้องสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับกระเป๋าเงิน และกดยอมรับข้อกำหนด และคลิก "Submit"
ขั้นตอนที่ 4: เท่านี้เราพร้อมที่จะรับ , จัดเก็บ , และส่ง ETH แล้ว
*****Coinbase Wallet รองรับ BTC , Ethereum, Solana, Dogecoin และเครือข่ายที่เข้ากันได้กับ Ethereum ทั้งหมด
แม้ว่ากระเป๋าเงินแบบกระจายอำนาจจะให้ความปลอดภัยที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแบบรวมศูนย์ โดยให้ผู้ใช้สามารถเก็บ private keys ไว้กับตัวเอง แต่จำไว้ว่าเงินทุนก็อาจรั่วไหลได้หากเราไม่ได้ทำการตรวจสอบที่เหมาะสม ซึ่งอาชญากรไซเบอร์มักจะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของซอฟต์แวร์
นอกจากนี้ แม้จะมีความเป็นอิสระ แต่ DEX ก็เสี่ยงต่อช่องโหว่ของสัญญาอัจฉริยะจากแฮ็กเกอร์ที่สามารถโจมตีพวกมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นกลยุทธ์ที่สมดุลและผสมผสานบริการแบบรวมศูนย์และแบบกระจายอำนาจเพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงที่ดีขึ้นก็อาจเป็นอีกวิธีที่ดี รวมถึงพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย และการบริหารความเสี่ยง ด้วยแนวทางที่สมดุลและความเข้าใจในความท้าทายเหล่านี้ ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบนิเวศ Ethereum ได้อย่างมั่นใจ
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ tokenmetrics.com