Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

February 12, 2025
บทความ
3
min read

Crypto Arbitrage คืออะไร? กลยุทธ์การทำกำไรโดยปราศจากความเสี่ยง

การซื้อขาย Crypto แบบ arbitrage นับเป็นอีกกลยุทธ์ในการซื้อขายคริปโตที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาของสินทรัพย์ในตลาดต่าง ๆ และยังเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์มากประสบการณ์ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ มีความเสี่ยงแบบใดบ้าง เรามาหาคำตอบกัน

การซื้อขายแบบ Crypto Arbitrage คืออะไร?

เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงการหารายได้ในตลาดคริปโต เรามักจะนึกถึงแนวคิดต่าง ๆ เช่น การซื้อที่ราคาหลุม  และไปขายมันในราคาที่สูงขึ้นเพื่อทำกำไร แต่นั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำกำไรจากตลาดหรือไม่ ? คำตอบคือ “ไม่”  เพราะมันยังมีวิธีการอีกมากมาย  

Arbitrage หมายถึงกลยุทธ์การซื้อขายที่เราจะใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาในตลาดต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน (สำหรับคริปโตตัวเดียวกัน) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วราคาของคริปโตในตลาดต่าง ๆ จะแตกต่างกันไปเนื่องจากอุปสงค์และอุปทานที่แตกต่างกัน ทำให้เราสามารถใช้ส่วนต่างของราคาเหล่านี้เพื่อทำกำไรที่มีความเสี่ยงต่ำได้

การ Arbitrage แตกต่างจากการซื้อขายทั่วไป มันไม่ต้องใช้ความรู้ในการวิเคราะห์พื้นฐาน , การวิเคราะห์ทางเทคนิค , หรือการวิเคราะห์ความรู้สึกของตลาด แต่การ Arbitrage นั้นอาศัยทักษะเพียงอย่างเดียวนั่นคือ “ความเร็ว” นั่นเอง 

ภาพจาก binance.com

ประเภทของ Arbitrage

การ Arbitrage นั้นมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับวิธีการ ได้แก่

  • Cross-exchange Arbitrage : โดยจะเป็นการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์มซื้อขายที่แตกต่างกัน  

ลองนึกภาพว่า เราพบราคาของคู่เทรด BTC/USDT ซื้อขายที่ $70,000 บน Binance และ $70,200 บน OKX เราสามารถทำกำไรได้ในซื้อ 1 BTC จาก Binance ในราคา $70,000 และโอนไปขายบน OKX ในทันทีที่ราคา $70,200 เท่ากับเราจะทำกำไรได้ $200 (แต่ในความเป็นจริง ควรหลีกเลี่ยงเหรียญที่ใช้เวลาในการโอนนาน โดยเฉพาะ BTC เนื่องจากยิ่งใช้เวลานาน  กว่าเราจะโอนไปถึง ราคาก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว)

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้วิธีถือครองคริปโตบนหลาย ๆ แพลตฟอร์ม และมองหาความแตกต่างของราคาในแต่ละแพลตฟอร์ม แล้วทำการซื้อบนแพลตฟอร์มนึง และขายในอีกแพลตฟอร์มนึงทันที ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

  • Triangular arbitrage : กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาระหว่างคริปโตที่แตกต่างกัน 3 สกุลที่ซื้อขายในรูปแบบสามเหลี่ยม ตัวอย่างเช่น การซื้อขายระหว่าง BTC, ETH และ LTC โดยเราจะอาศัยความผันผวนของคู่เทรดในแต่ละรายการเพื่อทำกำไร
  • Time arbitrage : วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการค้นหาราคาคริปโตเดียวกันในเว็บเทรดเดียวเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาภายในกรอบเวลาสั้น ๆ ซึ่งกลยุทธ์นี้ต้องใช้การดำเนินการที่รวดเร็ว เพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาภายในไม่กี่นาที
  • Statistical Arbitrage : กลยุทธ์นี้จะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีต และใช้แบบจำลองทางสถิติเพื่อระบุความผิดปกติของราคา ซึ่งเป็นแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและต้องใช้ทักษะทางเทคนิคขั้นสูง
  • Spatial Arbitrage : กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาระหว่างเว็บเทรดที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค โดยเราสามารถทำกำไรจากราคาที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคได้
  • Funding Rate Arbitrage : วิธีนี้จะใช้ประโยชน์จากความแตกต่างใน funding rates  ระหว่างสัญญา perpetual futures และตลาดสปอต เพื่อทำผลกำไร
  • Options Arbitrage : กลยุทธ์นี้ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในสัญญา options ที่มากกว่าสินทรัพย์อ้างอิง

แต่ละกลยุทธ์ที่กล่าวมาเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญในระดับที่แตกต่างกัน และมีข้อดีและความเสี่ยงของตัวเอง ซึ่งหากเราสนใจจะทำกำไรจากการ Arbitrage ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจกลยุทธ์เหล่านี้และเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและความสนใจของเรา

ข้อดีข้อเสียของการซื้อขาย Crypto Arbitrage 

ข้อดี

  • โอกาสในการทำกำไร : การ Arbitrage เสนอโอกาสในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องจากการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคา
  • การกระจายความเสี่ยง : ช่วยให้เราสามารถกระจายการลงทุนของเราได้พร้อมกับทำกำไรไปพร้อมๆ กัน 
  • การเข้าถึง : เข้าถึงได้ง่าย ตั้งแต่นักเทรดที่เพิ่งเริ่มต้นไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญ
  • ใช้เวลาไม่นาน : วิธีนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้เป็นวิธีที่เร็วกว่าในการสร้างรายได้มากกว่าการซื้อขายแบบดั้งเดิม

ข้อเสีย

  • ความผันผวนของตลาด : ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง และการเปลี่ยนแปลงของราคาสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หากเราซื้อขายไม่เร็วพอก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้
  • ต้นทุนของการทำธุรกรรม : อย่าลืมคิดถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายบนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันด้วย เพราะอาจกระทบกับกำไรของเราได้
  • ข้อจำกัดด้านเงินทุน : การจะทำ Arbitrage ให้ประสบความสำเร็จ อาจต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อทำการซื้อขายให้ทันกับเวลาที่มีจำกัด ทำให้วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน
  • ความเร็วในการดำเนินการ : วิธีนี้จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการซื้อขายที่รวดเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของราคา แต่หากเราล่าช้าในการดำเนินการ ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค , อินเทอร์เน็ตที่ช้า , หรือปัญหาอื่น ๆ ทั้งจากตัวเราและสิ่งแวดล้อม ก็อาจส่งผลให้เกิดการพลาดโอกาสทำกำไรหรืออาจหนักข้อถึงขั้นขาดทุนได้
  • ต้องอาศัยความเข้าใจ : วิธีนี้ต้องอาศัยความรู้และการทำความเข้าใจวิธีการใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายต่าง ๆ  ซึ่งหากเรายังขาดความรู้ตรงนี้หรือยังมีไม่มากนัก เราอาจประสบปัญหาที่เกิดจากความซับซ้อนในระหว่างการดำเนินการได้
  • ความปลอดภัยของเงินทุน : การทำ Arbitrage จำเป็นต้องมีการฝาก - ถอนเงินอยู่บ่อยครั้ง ทำให้อาจเกิดความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของเงินทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนผิดเลขกระเป๋า , การโอนผิดเครือข่าย รวมถึงการถูกแฮ็ก

สิ่งสำคัญก็คือ เราจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้และเลือกใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงเมื่อต้องทำการ Arbitrage ซึ่งหากเรามีกลยุทธ์ที่คิดมาอย่างดี , มีเครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยแบ่งเบา , มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี  และมีการติดตามอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถช่วยจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

การซื้อขาย Crypto แบบ Arbitrage เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการทำกำไรจากตลาด โดยมีมาตั้งแต่อดีตและยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีความเสี่ยง เช่น ความผันผวน , ความไม่แน่นอน , และข้อผิดพลาดทางเทคนิค แต่เราก็สามารถลดความเสี่ยงลงได้ด้วยการวิจัยที่เพียงพอ , การเลือกใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วย , และมีเงินทุนเริ่มต้นเพื่อให้การซื้อขายประสบความสำเร็จ

บทความที่คุณอาจสนใจ