Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Non-Fungible Token (NFT) คือทรัพย์สินที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น งานศิลปะ และของสะสมดิจิทัลที่สามารถซื้อและขายได้บนบล็อคเชน แต่แม้ว่า NFT จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเรียกกระแสฮือฮาได้จากยอดขายหลายล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับประโยชน์ที่จับต้องได้ของการเป็นเจ้าของมัน
NFT ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่นับแต่ประมาณปี 2014 เป็นต้นมา โดยถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใครและใช้เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของโดยเฉพาะ (ซึ่งมักจะเป็นงานศิลปะดิจิทัล) เชื่อกันว่า NFT จะสามารถ disrupt ตลาดทั่วโลกได้ตั้งแต่งานศิลปะ , เกม ไปจนถึงการประกันภัย
แต่จริง ๆ แล้ว NFT คืออะไรและมันทำงานอย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจแนวคิดของ NFT และให้ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำงานของมันกัน
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน Non-Fungible Tokens (NFT) ได้รับความสนใจเนื่องด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์และมีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากให้พูดง่าย ๆ NFT นั้นก็จัดเป็นสินทรัพย์คริปโตที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนชนิดหนึ่งแต่ไม่สามารถทำซ้ำได้ และมีความแตกต่างจากคริปโตทั่วไปที่เป็น Fungible Token ที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้
“Fungible” เป็นคำศัพท์ที่หมายถึงสินค้าหรือสินทรัพย์ที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเท่ากัน ตัวอย่างเช่น ธนบัตรดอลลาร์ เนื่องจากสามารถแลกเปลี่ยนกับธนบัตรดอลลาร์อื่นที่มีมูลค่าเท่ากันได้อย่างง่ายดาย
ส่วน “Non-Fungible” หมายความว่ามันไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มีมูลค่าเท่ากันได้โดยสิ้นเชิงได้ เช่น งานศิลปะ , ดนตรี , ไฟล์ภาพ ที่ถือเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ และนี่คือที่มาของ NFT
NFT หรือ Non-Fungible Token เริ่มต้นในปี 2014 โดยเป็นไอเท็มดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของและแลกเปลี่ยนได้ แต่มาโด่งดังเป็นพลุแตกในปี 2021 ที่ใคร ๆ ก็ต่างพูดถึงมัน และทำให้มูลค่ารวมของ NFT ทั้งหมดสูงถึง 41 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า NFT มีความสำคัญต่ออนาคตของความเป็นเจ้าของสินทรัพย์อย่างไร
Mike Winklemann ศิลปินดิจิทัลชื่อดัง หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "Beeple" ก็ได้มีการสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดกว่า 5,000 ภาพเพื่อสร้าง NFT ที่โด่งดังที่สุดในปี 2021
แต่บางคนก็อาจสงสัยว่า ในเมื่อใครๆ ก็สามารถดูภาพทางออนไลน์ได้ฟรี เหตุใดจึงมีผู้คนที่ยินดีจ่ายเงินหลายล้านเพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาสามารถ Save ภาพหน้าจอหรือดาวน์โหลดได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่ทำให้ NFT พิเศษยิ่งขึ้นก็คือส่วนของโค้ดภายในบล็อกเชนที่ช่วยทำให้เกิดความเป็นเจ้าของให้กับผู้ซื้อเพียงคนเดียวเท่านั้น เหมือนกับเป็นใบรับรองความถูกต้อง ดังนั้น ผู้ซื้อ NFT จึงเหมือนกับมีต้นฉบับในโลกเสมือนจริง และสามารถตั้งโปรแกรมค่าลิขสิทธิ์ลงในโทเค็นได้ด้วย
NFT ทำงานบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูง โดยในช่วงแรกนั้นส่วนใหญ่จะถูกสร้างบนบล็อกเชนของ Ethereum แต่ปัจจุบันก็มีบล็อกเชนอื่น ๆ มากมายที่รองรับการสร้าง NFT
สิ่งที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการทำงานของ NFT ก็คือ Smart contracts ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นแบบอัตโนมัติ และสามารถกำหนดกฎและเงื่อนไขสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้สร้างได้รับค่าลิขสิทธิ์โดยอัตโนมัติทุกครั้งที่ NFT ถูกขายต่อในตลาดรอง และยังรับประกันความโปร่งใสและขจัดความจำเป็นในการมีคนกลางในกระบวนการซื้อและขาย ช่วยให้ศิลปินไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแกลเลอรีหรือร้านประมูลเพื่อขายงานศิลปะอีกต่อไป
ศิลปินหรือใครก็ตาม สามารถขายงานของให้กับผู้ที่สนใจได้โดยตรงในรูปแบบ NFT ซึ่งช่วยให้พวกเขาเก็บผลกำไรได้มากขึ้น
และด้วยลักษณะการกระจายอำนาจของเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรม NFT จะมีความโปร่งใสและทนทานต่อการเซ็นเซอร์หรือการปลอมแปลง โดยเมื่อเราสร้าง NFT ข้อมูลการเป็นเจ้าของ , และประวัติการทำธุรกรรมก็จะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน ซึ่งจะเป็นการบันทึกการเป็นเจ้าของอย่างถาวรและตรวจสอบย้อนหลังได้
โดยตัวอย่างสำหรับแพลตฟอร์มบล็อกเชนยอดนิยมที่เหมาะสำหรับ NFT ได้แก่
ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ NFT กลายเป็นกระแสที่มาแรงในโลกดิจิทัลมีดังนี้
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ NFT ได้รับความนิยมคือการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของในโลกดิจิทัล เนื่องจากก่อนหน้านี้ การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไฟล์ดิจิทัลสามารถคัดลอกได้ง่าย แต่ NFT ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์และความหายากให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล
1.1 ความเป็นเอกลักษณ์และความหายาก : NFT ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเป็นเอกลักษณ์และหายาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกดิจิทัล โดยสิ่งนี้ทำให้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
1.2 การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ : เทคโนโลยีบล็อกเชนที่อยู่เบื้องหลัง NFT ทำให้สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจนและโปร่งใส ซึ่งในอดีตเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
NFT ได้เปิดโลกใหม่ให้กับศิลปินและนักสร้างสรรค์ในการนำเสนอและสร้างรายได้จากผลงานของพวกเขา
2.1 การขายผลงานโดยตรง : ศิลปินสามารถขายผลงานของตนเองโดยตรงให้กับผู้ซื้อ โดยไม่ต้องผ่านคนกลางหรือแกลเลอรี่ ทำให้พวกเขามีอิสระมากขึ้นในการกำหนดราคาและเงื่อนไขการขาย
2.2 รายได้ต่อเนื่อง : Smart contracts ที่ใช้ในการสร้าง NFT สามารถกำหนดให้ศิลปินได้รับส่วนแบ่งจากการขายต่อในอนาคต ทำให้พวกเขามีโอกาสได้รับรายได้ต่อเนื่องจากผลงานของตนเอง
2.3 การเข้าถึงตลาดทั่วโลก : NFT ทำให้ศิลปินสามารถเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้อย่างง่ายขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์
NFT ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปและกระแสสังคม ทำให้ได้รับความสนใจจากคนหลากหลายกลุ่ม
3.1 การมีส่วนร่วมของคนดัง : ศิลปินที่มีชื่อเสียง นักกีฬา และบุคคลสาธารณะหลายคนได้เข้าสู่วงการ NFT ทำให้เกิดความสนใจจากแฟน ๆ และสื่อมวลชน
3.2 การสร้างชุมชน : NFT ได้สร้างชุมชนออนไลน์ที่มีความกระตือรือร้น ซึ่งมีการแบ่งปันความสนใจ , แลกเปลี่ยนความคิดเห็น , และสนับสนุนซึ่งกันและกัน
NFT ได้กลายเป็นช่องทางใหม่สำหรับการลงทุนและเก็งกำไร ซึ่งดึงดูดนักลงทุนและนักเก็งกำไรจำนวนมาก
4.1 การเติบโตของมูลค่า : NFT บางชิ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาอันสั้น ทำให้เกิดความตื่นเต้นและความหวังในการทำกำไร
4.2 ความหลากหลายของการลงทุน : NFT มีความหลากหลาย ตั้งแต่งานศิลปะไปจนถึงไอเทมในเกม ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสิ่งที่ตนเองสนใจและเข้าใจได้
4.3 ตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง : ตลาด NFT เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา
NFT ได้รับประโยชน์จากการบูรณาการกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้มีการใช้งานที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
5.1 การผสมผสานกับ AR และ VR : การใช้ NFT ร่วมกับเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล
5.2 การใช้งานในเกมและโลกเสมือนจริง : NFT ได้ถูกนำมาใช้ในเกมและโลกเสมือนจริง (Metaverse) ทำให้ผู้เล่นสามารถเป็นเจ้าของไอเทมและทรัพย์สินเสมือนที่มีมูลค่าจริง
5.3 การพัฒนาของ DeFi : การผสมผสานระหว่าง NFT และ Decentralized Finance (DeFi) ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างมูลค่าและการใช้งานทางการเงิน
การเข้ามาของบริษัทขนาดใหญ่และแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในวงการ NFT ได้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน
6.1 การเปิดตัว NFT ของแบรนด์หรูต่าง ๆ : แบรนด์หรูหลายแบรนด์ได้เปิดตัว NFT ของตนเอง ทำให้เกิดความสนใจจากทั้งแฟนของแบรนด์และนักสะสม
6.2 การใช้ NFT ในการตลาด : บริษัทต่าง ๆ เริ่มใช้ NFT เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดและสร้างความผูกพันกับลูกค้า
6.3 การลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ : บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่งได้เริ่มลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ NFT ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในอนาคตของเทคโนโลยีนี้
เมื่อกระเป๋าเงินของคุณพร้อมแล้ว ก็สามารถเข้าไปยังเว็บไซต์ NFT ชื่อดังต่าง ๆ ที่มีให้เลือกช้อปกันมากมาย โดยรายชื่อด้านล่างถือเป็นหนึ่งในตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่:
OpenSea.io : OpenSea เป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายเก่าแก่ เปิดตัวในปี 2017 และเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ข้อดีที่สุดของ OpenSea คือมี NFT ยอดนิยมให้เลือกมากมาย ซึ่งรวมถึงภาพถ่าย , เพลง , การ์ดสะสม , งานศิลปะ และอื่นๆ โดย OpenSea คิดค่าธรรมเนียม 2.5% สำหรับทุกธุรกรรมที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม
Rarible: Rarible เป็นที่ ๆ ทุกคนสามารถซื้อหรือขาย NFT คล้ายกับ OpenSea โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 2.5% สำหรับแต่ละธุรกรรม แต่สิ่งที่ทำให้ Rarible มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งก็คือ Rarible อนุญาตให้สามารถทำธุรกรรมโดยใช้บัตรเครดิตและสกุลเงิน fiat ควบคู่ไปกับสกุลเงินดิจิทัลได้
นอกจากนี้ Rarible ยังมีโทเค็นของตัวเองที่ชื่อว่า RARI โดยผู้ถือ RARI จะมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการตัดสินใจของบริษัท เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย
Binance NFT : Binance NFT เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มตลาด NFT ทั้งหมด โดยเป็นตลาดที่จำหน่ายงานศิลปะ , ของที่ระลึก , และผลิตภัณฑ์ดิจิทัลอื่นๆ มากมาย ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และมีค่าธรรมเนียมที่ราคาไม่แพงเพียง 1% สำหรับการซื้อขาย
NFT เป็นเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นเต้นในโลกดิจิทัล แต่แม้จะมีทั้งกระแสความนิยมและการถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ NFT ก็มีศักยภาพที่จะพัฒนาและส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรมในอนาคต
โดยในระยะสั้น เราอาจเห็นการปรับตัวและการพัฒนาของตลาด NFT ดังนี้ :
ส่วนในระยะยาว NFT อาจมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม ดังนี้ :
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ NFT ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น :
NFT สามารถเข้ามากำหนดนิยามใหม่ของการเป็นเจ้าของและความถูกต้องทางดิจิทัล และเมื่อตลาด NFT เติบโตขึ้น คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้เห็นว่า NFT จะพัฒนาและบูรณาการเข้ากับชีวิตดิจิทัลในด้านต่างๆ ของเราอย่างไร
อย่างไรก็ตาม มูลค่าของโทเค็น NFT ยังมีความผันผวนมาก ดังนั้นการลงทุนใน NFT โดยที่ไม่มีความรู้มาก่อนจึงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนในสินทรัพย์คริปโต