Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

January 17, 2025
บทความ
3
min read

Passive income คืออะไร มีอะไรบ้าง

หนึ่งในคำถามที่นักลงทุนรุ่นใหม่สงสัยนั่นคือ Passive income มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะกับเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่รายได้หลักอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้กันว่า Passive income คืออะไร Passive income มีอะไรบ้าง และสร้างรายได้ให้เราได้อย่างไร

Passive income คืออะไร?

Passive income คือรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเกิดขึ้นหลังจากการลงแรง ลงเวลา หรือลงทุนไปแล้ว ซึ่ง Passive income เป็นการสร้างรายได้ที่มีความสำคัญต่อความมั่งคั่งในระยะยาว เพราะสามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถมีรายได้เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย แม้นักลงทุนจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เช่น ในกรณีที่เจ็บป่วยหรือเกษียณอายุ เป็นต้น

Passive income มีอะไรบ้าง? ยกตัวอย่าง การปล่อยห้องเช่า การเขียนและวางจำหน่ายหนังสือ E-book รวมถึงการเจ้าของสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุน พันธบัตร ลิขสิทธิ์ และสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท

Active income vs Passive income

เพื่อที่จะเข้าใจ Passive income ได้อย่างถ่องแท้ อันดับแรกเรามาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Active income และ Passive income กันก่อน

Active income เป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงาน หากหยุดงานหรือจบงานก็จะไม่ได้รับรายได้อีก พูดอีกอย่างได้ว่าเป็นการทำงานที่ต้องแลกด้วยเวลาและทักษะเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ 

Passive income คือรายได้ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นหลังจากการลงแรง เวลา หรือลงทุนไปแล้ว อธิบายอีกอย่างได้ว่าเป็นการให้สินทรัพย์ทำงานเพื่อสร้างรายได้แทน

อีกปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนต้องรู้เกี่ยวกับ Active income และ Passive income ก็คือข้อดีและข้อจำกัดของการสร้างรายได้ทั้งสองแบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

Active income

ข้อดี: รายได้มักเพิ่มขึ้นตามระดับทักษะหรือระยะเวลาที่ลงทุนไป

ข้อจำกัด: หากไม่มีเวลาก็จะไม่สามารถสร้างรายได้ได้ ซึ่งมักจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อเกิดการเจ็บป่วยหรือถึงวัยเกษียณอายุ

Passive income

ข้อดี: สร้างรายได้โดยไม่ต้องแลกมาด้วยเวลา

ข้อจำกัด: ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ ซึ่งมักจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง หรือต้องค่อย ๆ สะสมเป็นเวลานาน

เพื่อให้ภาพชัดขึ้น เรามาดูตารางเปรียบเทียบระหว่าง Active Income และ Passive Income กัน

<table>
<tbody>
<tr>
<td>
<p><strong>Active income</strong></p>
</td>
<td>
<p><strong>Passive income</strong></p>
</td>
</tr>
<tr>
<td rowspan="3">
<p><strong>ตัวอย่าง</strong><strong><br /></strong><strong>ที่มาของรายได้</strong></p>
</td>
<td rowspan="3">
<p>รายได้จากงานประจำ</p>
<p>รายได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัว</p>
<p>รายได้จากงานอิสระหรืองานชั่วคราว</p>
</td>
<td rowspan="3">
<p>รายได้จากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์</p>
<p>รายได้จากเงินปันผลของหุ้น</p>
<p>รายได้จากการ Stake เหรียญคริปโต</p>
</td>
</tr>
<tr>
<td>
<p><strong>ข้อดี</strong></p>
</td>
<td>
<p>รายได้มักสูงขึ้นตามทักษะและเวลาที่ลงไป</p>
</td>
<td>
<p>สร้างรายได้ได้ โดยไม่ต้องแลกมาด้วยเวลา&nbsp;</p>
</td>
</tr>
<tr>
<td>
<p><strong>ข้อจำกัด</strong></p>
</td>
<td>
<p>หากไม่มีเวลาหรือขาดทักษะก็จะไม่สามารถสร้างรายได้ได้</p>
</td>
<td>
<p>ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ก่อน</p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>

วิธีสร้าง Passive income

วิธีสร้าง Passive income มีอยู่มากมาย ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกได้ตามความชื่นชอบหรือความถนัดของแต่ละคน โดยวิธีสร้าง Passive income ที่เป็นที่นิยม มีดังนี้

1. ฝากเงินในธนาคาร

การฝากเงินกับธนาคารเป็นหนึ่งในวิธีที่สะดวกสำหรับการสร้างรายได้แบบ Passive income ทำได้ง่าย ๆ โดยการนำเงินไปฝากประจำกับธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด แต่ผลตอบแทนอาจไม่สูงนัก และต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อในอนาคตด้วย

2.เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์

การซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่า เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้าง Passive income ที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างเรื่องของทำเล เจ้าของโครงการ รวมถึงราคาที่จะปล่อยเช่าเพื่อให้คุ้มค่าที่สุด

3.สะสมหุ้นเพื่อรับเงินปันผล

หุ้นนับเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่อยู่คู่ตลาดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยหุ้นบางตัวจะมีการจ่ายเงินปันผล (Dividend) ตามผลประกอบของบริษัทอีกด้วย นับเป็นการสร้าง Passive income ที่ดี แต่การเลือกซื้อหุ้นที่ให้เงินปันผลอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น สภาพเศรษฐกิจ ข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทและอุตสาหกรรม เป็นต้น

4.การฝากเหรียญคริปโตบน DeFi

DeFi หรือ Decentralized Finance นับเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ Passive income ที่น่าสนใจ โดยการฝากเหรียญกับ DeFi เพื่อสร้างผลตอบแทนมักจะถูกเรียกว่า Yield Farming อธิบายง่าย ๆ คือการฝากเหรียญคริปโตเข้าไปในแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม และคนฝากก็จะได้รับผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการใช้งานของผู้ใช้คนอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์ม DeFi ที่น่าสนใจให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย แต่นักลงทุนก็ควรศึกษาข้อมูลของ DeFi อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ DeFi นั้นทำงาน เหรียญที่รองรับ และความน่าเชื่อถือ เป็นต้น

5.การ Stake เหรียญคริปโต

การ Stake เหรียญหรือการทำ Staking เป็นอีกวิธีสร้างรายได้ Passive income ที่ทำผ่านการฝากเหรียญคริปโต ดูเผิน ๆ อาจคล้ายกับการทำ Yield Farming บน DeFi สิ่งที่แตกต่างคือการ Stake ไม่ได้เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม แต่เป็นการช่วยตรวจสอบและสร้างความปลอดภัยให้กับเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งปัจจุบันก็มีบล็อกเชนหลายเครือข่ายที่รองรับการทำ Stake เช่น Ethereum, Cardano, Solana โดยแต่ละเครือข่ายก็จะมีเหรียญที่รองรับและจำนวนขั้นต่ำแตกต่างกัน นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มลงทุนด้วยเช่นกัน

การบริหารความเสี่ยงของ Passive Income

การสร้างรายได้แบบ Passive Income ถือว่าเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรพิจารณาดังต่อไปนี้

1.ราคา หมายถึง ความเสี่ยงที่มูลค่าของสินทรัพย์อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ยกตัวอย่าง คอนโดมิเนียม เมื่อเวลาผ่านไปสภาพห้องก็จะยิ่งเก่าลง ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องลดค่าเช่าลง รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ เช่น สภาพเศรษฐกิจ ทำเลโดยรอบ เป็นต้น 

2.สภาพคล่อง หมายถึง ความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจไม่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดได้ตามที่ต้องการ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากมูลค่าของสินทรัพย์ ความต้องการของตลาด รวมไปถึงนโยบายของภาครัฐ เป็นต้น

ทั้งนี้ หนึ่งวิธีบริหารความเสี่ยงที่ดีที่สุดก็คือการกระจายการลงทุนออกไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสินทรัพย์ประเภทเดียวมากเกินไป วิธีนี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับการสร้างรายได้แบบ Passive Income เพื่อบริหารความเสี่ยงได้เช่นกัน

สรุป

Passive income คือรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการลงแรง ลงเวลา หรือลงทุนไปแล้ว โดยส่วนใหญ่มักจะสามารถสร้างได้ผ่านการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น รวมถึงการฝากเงินกับธนาคาร และในปัจจุบันก็มีทางเลือกที่น่าสนใจอย่างการฝากเหรียญคริปโตใน DeFi หรือการ Stake เหรียญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรศึกษาอย่างเรื่องของราคาและสภาพคล่องด้วยเช่นกัน

บทความที่คุณอาจสนใจ