Announcement เปลี่ยนจากตรงนี้
สำหรับใครที่เข้ามาในโลกของ Cryptocurrency น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโครงการ Libra ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของ Facebook หรือแม้แต่การความพยายามในการสร้าง CBDC ของรัฐบาลต่างๆ ซึ่งหลายๆคนอาจจะมองว่าแนวคิดในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่นี้เป็นสิ่งที่ดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับ Cryptocurrency อื่นๆที่มีความผันผวน แต่ที่จริงแล้วแนวคิดในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่นั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว
Stablecoin คือเงินดิจิทัลรูปแบบหนึ่งที่จะมีมูลค่าที่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับสกุลเงินที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันมักจะถูกสร้างมาให้มีมูลค่าเท่ากับหรือใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์ 1 หน่วย ซึ่งมันกำเนิดมาก่อนที่ Libra จะเปิดตัวเสียอีก ในปัจจุบันเรามี Stablecoin มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะ USDT USDC DAI TUSD ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีการใช้งานจริงอยู่ในตลาดในปัจจุบัน
Stablecoin นั้นเป็น Cryptocurrency รูปแบบหนึ่งซึ่งมันมีคุณสมบัติที่เป็นดิจิทัลเพราะฉะนั้นในแง่การโอนย้ายมันเหนือกว่าเงินกระดาษรวมไปถึงการโอนเงินผ่าน Mobile banking เพราะในระบบ Mobile Banking นั้นเงินของเราจะอยู่ที่ตัวกลางอย่างธนาคารหากระบบธนาคารขัดข้องก็ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ในขณะที่ Stablecoin ที่เป็น Cryptocurreny นั้นเมื่อมันอยู่ใน Wallet ของเรา เราจะโอนมันเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนี้การที่เราจะเขียนโปรแกรมหรือคำสั่งลงไปให้ Stablecoin ทำงานในคำสั่งที่ซับซ้อนหรือผ่าน Smart contract ก็ทำได้เช่นกัน
สิ่งที่น่าสนใจก็การที่รัฐบาลจะสามารถสร้างสกุลเงินที่น่าเชื่อถือนั้นต้องมีกระบวนการที่มากมาย แล้ว Stablecoin เหล่านี้ทำได้อย่างไร ซึ่งการที่จะตอบคำถามว่า Stablecoin เหล่านี้มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหนนั้นเราก็ต้องไปดูในการสร้างมันดังนี้
รูปแบบแรกในการสร้าง Stablecoin นั้นเป็นวิธีที่เป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบันคือการนำสกุลเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันมาสร้างเป็น Reserve หรือเอาเงินมากองแล้วสร้าง Cryptocurrency ที่อ้างว่ามันมีมูลค่ารองรับจาก Reserve เหล่านี้ มันเป็นกระบวนการที่ง่ายทำได้รวดเร็วแต่ข้อเสียคือความน่าเชื่อถือของ Stablecoin นั้นก็ขึ้นกับว่าตัวกลางตัวนั้นว่าจะเชื่อถือได้แค่ไหน ตัวอย่างเช่น
Stablecoin อีกประเภทคือประเภทที่ใช้ Cryptocurrency เป็น Reserve และบริหารผ่าน Smart contract แบบไร้ตัวกลางโดย Stablecoin ประเภทนี้มีอยู่แบบเดียวคือ Dai จาก MakerDao ในปัจจุบัน โดยการที่จะสร้างเหรียญ Dai ออกมาได้จะต้องทำการค้ำประกัน Cryptocurrency ในสัดส่วนที่มากกว่าเหรียญ Dai ที่ถูกสร้างออกมา เช่นการฝาก ETH มูลค่า 150 USD นั้นอาจสร้าง Dai ได้เพียงแค่ 100 ดอลลาร์ และเมื่อ ETH ที่ค้ำประกันนั้นเกิดราคาตกลงถึงจุดหนึ่งระบบจะนำมันไปประมูลขายเพื่อรักษามูลค่าของ Reserve อัตโนมัติ ข้อดีของ Cryptocurrency ประเภทนี้คือการที่มันบริหารผ่าน Smart contract โดยไม่ผ่านตัวกลาง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไร้ความเสี่ยงเสมอไป เพราะเคยมีกรณีที่ราคา Cryptocurrency ผันผวนมากจนทำให้เกิดหนี้เสียจากการที่ประมูลขาย ETH ไม่ทัน
ปัจจุบันนั้นแม้จะมี Stablecoin อยู่มากมายและมีความน่าเชื่อถือที่ต่างกันแต่เหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ USDT ซึ่งที่จริงเเล้วเหรียญนี้มีข้อครหามากมายเกี่ยวกับการ Audit บริษัท Tether ที่เป็นผู้ดูแล Reserve และเราอาจจะได้ยินข่าวของการผลิต USDT เพิ่มขึ้นบ่อยๆทำให้ความน่าเชื่อถือมันอาจไม่สามารถสู้ Stablecoin อื่นๆอย่าง TUSD หรือ Dai ที่บริหารผ่าน Smart Contract ได้
จุดสำคัญคือการที่ USDT นั้นเป็นเหรียญที่มี Volumn มากที่สุดเมื่อเทียบกับ Stablecoin อื่นๆ หากมีนักเทรดน้อยคนนักที่เก็บ Stablecoin เอาไว้เป็น Store of value พวกเขามักจะใช้มันเพื่อการซื้อขายมากกว่าการได้ Stablecoin ที่ราคาดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนักเทรดทั้งหลาย
ปัจจุบันการใช้งาน Stablecoin ในปัจจุบันนั้นยังใช้สำหรับการเป็นสื่อกลางในการเทรดซะส่วนมากแต่ถ้าเราดูคุณสมบัติของ Stablecoin เราจะพบว่ามันมีความน่าสนใจมากเพราะมันมีคุณสมบัติที่ดีกว่าเงินกระดาษในบางจุด ส่วนที่น่ากังวลที่สุดของ Stablecoin คือความน่าเชื่อถือ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม CBDC ถึงเกิดขึ้นเพราะแนวคิดที่บอกว่าองค์กรเอกชนไม่สามารถเชื่อถือได้เท่ารัฐนั้นเกิดขึ้นดั่งกรณีที่เกิดกับ Facebook แต่อย่างไรก็ตาม Stablecoin ก็เป็นเทคโนโลยีที่ปลดล็อคให้องค์กรเอกชนทั้งหลายมีความสามารถในการสร้างเสกุลเงินเป็นของตนเอง อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าเราจะเห็นบริษัทเอกชนมากมายที่ออกสกุลเงินของตัวเองออกมา
ปัจจุบันเราสามารถซื้อ-ขาย เหรียญ USDT กับเงินบาทไทยได้ที่ 4 เว็บไซด์ดังนี้